วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ เที่ยวย่านอุเอโนะ บุกตลาด AMEYAYOKOCHO

หายไปนานค่ะ ช่วงนี้งานเยอะสุดๆ ในบริษัทกำลังจะเปลี่ยน organization ค่ะ เลยต้องนั่งปรับตัวและทำใจเล็กน้อย รอรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง... ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป

เรานั่งรถไฟใต้ดินจากสถานทีอาซาคุสะ มาลงที่สถานีอุเอโนะ เมื่อถึงอุเอโนะแล้ว เราเดินออกมาตามช่องทางที่จะไปสวนสาธารณะอุเอโนะค่ะ ซึ่งด้านหน้าของเรานั้นคือสวนสาธารณะที่ใหญ่ของย่านนี้ ซึ่งใกล้ๆกับทางเข้ามีสถานีรถไฟของ keisai ตั้งอยู่ด้วย เรายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของสวนฯ แต่มองไปด้านหน้าก็พบว่าทางเข้าด้านนี้มีการปิดปรับปรุงอยู่ เราเลยตัดสินใจไม่ไปเดินเล่นด้านใน ยกคู่มือที่เตรียมไว้ขึ้นมาดู เอาเป็นว่าครั้งนี้เราจะมาเดินเล่นในตลาดกันค่ะ ในตลาดจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวตามมาได้เลย

เห่ย.... ประตูมันเหมือนซ่อมอยู่อะเอาไงดี เราเริ่มทำหน้ามุ่ยเพราะแผนที่เตรียมมานั้นเปลี่ยนได้ตลอดๆ
เอาไงก็ได้ เค้าตามที่รักอยู่แล้ว นั่น ดูโอ๋พูดสิ มันน่านัก
งั้นเอาเป็นว่า วันนี้เราไปเดินตลาดละกัน อ่านจากหนังสือเค้าบอกว่าตลาดนี้เป็นตลาดขายของสด มีของฝาก เสื้อผ้า และอื่นๆราคาถูกวางขายอยู่ด้วยนะ ที่สำคัญ...มีกระเป๋าแบรด์เนมมือสองอยู่ด้วยอะ เราตอบพร้อมกับมองหน้าโอ๋ ... สิ้นประโยคโอ๋ตาลุกวาว
มีร้านกระเป๋ามือสองด้วยเหรอ เค้าอยากไป น้ำเสียงของโอ๋ลั้นลามากๆเลยค่ะ ><”

หลังจากที่ปรึกษากันเสร็จแล้วเราสองคนก็เดินข้ามถนนเข้ามายังด้านในของตลาดค่ะ ที่นี่เป็นซอยไม่เล็กไม่ใหญ่ นึกถึงตลาดสำเพ็งบ้านเราแต่ดูดีกว่าและกว้างกว่าค่ะ ไม่มีรถวิ่งเข้าวิ่งออกให้รู้สึกรำคาญใจ...
มาถึงหน้าตลาดแล้วขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยค่ะ ตลาดของสด AMEYAYOKOCHOสินค้ามีมากมายหลากหลาย เดี๋ยวเข้าไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
………………………………………………………..…………

เดินเข้ามานิดเดียวก็เจอนี่เลยค่ะ ร้านอาหาร แบบว่ายั่วอารมณ์กันสุดๆเลยค่ะ เสียดายยังอิ่มอยู่ไม่งั้นคงได้ซัดกันอีกรอบแน่ๆ  ดูท่าทางน่ากินสุดๆ เนื้อโบะมาเต็มชามเลย
เดินเข้ามาอีกนิดก็เจอร้านราเมนค่ะ ดักคนชอบโซ้ยตั้งแต่ปากซอยเลยทีเดียว น่ากินสุดๆ
ถ้ามองขึ้นไปด้านบน ก็จะพบว่าตลาดจะมีแต่ตึกแบบนี้ละค่ะ เห็นด้านบนแบบนี้เหมือนกะว่าด้านล่างไม่ใช่ตลาดเลยค่ะ แต่...มองลงมาด้านล่าง.. อิอิ ตลาดชัดๆ
ระหว่างที่เดินสำรวจไปเรื่อยๆ โอ๋เห็นร้านขายของขำหรือเครื่องสำอางค์ไม่ได้เลย วิ่งเข้าวิ่งออกตลอด ไม่รู้จะซื้อไปทำไมเยอะแยะ ระหว่างที่รอโอ๋อยู่ด้านล่างของร้านค้า เห็นตู้หยอดเหรียญ 100 เยน เลยยืนหยอดเหรียญเล่นซักหน่อยเพื่อทดสอบความเก่งกาจของตัวเอง อิอิ.... ในที่สุด เจ้าหมีแพนด้าน้อยก็หล่นลงมาด้านล่างค่ะ เย้ๆๆๆๆ ในที่สุดก็คีบติดมือมา 1 ตัว เสียเงินไป 100 เยน... เมื่อวานฮีโร่ซังเพิ่งบอกเคล็ดลับมาค่ะ โดยการเล่นหยอดเหรียญนั้นให้เล็งตู้ที่มีสินค้ากำลังจะหล่นลงมา หากไม่มีสินค้าใกล้หล่นก็ไม่ต้องเล่น เพราะกว่าจะคีบให้หล่นได้ต้องเสียตังค์ไปหลาย โชคดีของเรา ก่อนหน้านี้คงมีคนมาเล่นแล้วคีบไม่ลงแน่ๆ น้องหมีตัวนี้เลยนอนตะแคงอยู่ตรงช่อง เราแค่เอาที่หนีบไปผลัก เจ้าหมีน้อยก็หล่นลงมาด้านล่างแล้วค่ะ เราดีใจยกใหญ่หยิบเจ้าตุ๊กตาตัวแรกที่คีบได้ขึ้นมาในมือ รอโอ๋ลงมาจากร้านขายของเดี๋ยวจะอวดให้สมใจเลยเชียว

ยุ่งๆๆๆ เค้าคีบตุ๊กตาได้ด้วยอะ เราลิงโลดเมื่อเห็นโอ๋เดินลงมาจากร้านขายของซึ่งเป็นตึกแถวประมาณ 3 ชั้น
เก่งจังไอ้หมู คีบได้ด้วย โอ๋ชมเราต่อ
ไม่ได้คีบหรอก มันวางอยู่ตรงข่อง เห็นว่าใกล้หล่นก็เลยลองเล่นอะ เอาที่คีบดันมันลงก็ไดละ เราพูดพร้อมกับยิ้มผ่านแววตาที่แสดงถึงความดีใจสุดๆ
ตัวแรกเลยนะเนี่ย ไม่อยากจะพูด คีบเองได้ด้วย เรายังยกยอปอปั้นตัวเองไม่หยุด
.............................................................

ตรงข้ามร้านขายเครื่องสำอางค์เป็นร้านขายผลไม้ มีผลไม้มากมายหลายชนิด ทีเห็นอยู่ด้านซ้ายมือสีเหลืองๆนั่นคือมะม่วงสุขนะคะ ลูกละ 500 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ 200 บาท อูวววววว... ราคาแรงส์ได้เรื่องเลยนะ .. ต่อมาก็เป็นแอปเปิ้ล ส้ม องุ่น และที่เห็นด้านบนก็เป็นแคนตาลูปค่ะ
ที่ร้านผลไม้สดเค้านำผลไม้ในร้านมาขายเป็นชิ้นๆด้วยค่ะ ขายชิ้นละ 100 เยน ท่าทางจะหวานฉ่ำน่าดู ตีเป็นเงินไทยตอนนี้ก็ 40 บาทต่อชิ้น

ยุ่ง...มีแคนตาลูปขายชิ้นละ 100 เยนอะ ท่าทางอร่อย ลองกินมะ เราถามโอ๋เป็นการหยั่งเชิง
กินๆๆ โอ๋ตอบมาโดยไม่ลังเลซักนิด

ที่เห็นวางอยุ่ก็มีอยู่ 3 ชนิดค่ะ สับปะรด แคนตาลูปเขียว กับแคนตาลูปสีส้ม เราสองคนเลือกแคนตาลูปเขียวมากินคนละ 1 ไม้ ยื่นเงินให้คุณลุงไป 200 เยนแล้วหยิบสินค้าออกมาสองไม้เลยค่ะ
ได้แคนตาลูปมาแล้วเรายื่นให้โอ๋ 1 ไม้ พร้อมกับกัดลงไปในเนื้อแคนตาลูป อืม....ขอบอกว่าแคนตาลูปหวานกรอบสุดๆ หอมหวานมากๆ มันฉ่ำในปากทุกคำที่กัดลงไป เราสองคนหันมามองหน้ากันแล้วยิ้ม ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกจากปากเราสองคน ... โอ๋ทำท่าจะเดินต่อ เรารีบบอกว่าห้ามเดินกิน มันเสียมารยาทของคนที่นี่... โอ๋หันหน้ามาพร้อมกับยืนกินแคนตาลูปในมือจนหมด...
ที่แจ้งไปว่าคนญี่ปุ่นเขาไม่เดินไปกินไปนั้นเป็นเรื่องที่สังเกตุเอาเองค่ะ ตั้งแต่เดินเที่ยวที่วัดอาซาคุสะ สังเกตุว่าอะไรที่เสียบไม้อยู่เขาจะไม่เดินกินกันเลย จะยืนกินให้หมดตรงนั้นแล้วค่อยออกเดิน อาจจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยนะคะ คือหากเดินไปกินไปไม้อาจทิ่มได้... แหะๆๆ อันนี้คิดเอาเองอะ
กินผลไม้กันฉ่ำลิ้นไปแล้ว เราสองคนก็เดินชมสินค้านานาชนิดในตลาดค่ะ เดินผ่านมาหลายๆร้านไม่ว่าจะเป็นร้านผลไม้ซึ่งร้านนี้ขายผลไม้เยอะมากๆ  เดินชมตลาดกันไปทั่วค่ะงานนี้ อาหารตาทั้งนั้น ทำให้หิวขึ้นมาอีกแล้วสิเนี่ย
เดินมาถึงกึ่งกลางของตลาดเห็นจะได้ เจอเจ้าตัวนี้ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า เลยขอเก็บรูปมาหนึ่งใบ หลังจากนั้นก็เดินชมตลาดกันต่อ ตลาดที่นี่แตกต่างจากบ้านเรามากมายค่ะ แม้ว่าจะเป็นตลาดขายของสดก็จริง แต่ขอบอกว่าทางเดินนั้นไม่แฉะเลยค่ะ กลิ่นคาวของอาหารก็ไม่ได้คละคลุ้งขึ้นมาแม้แต่น้อย
ร้านนี้ขายปลาดิบและของสดต่างๆไม่ว่าจะเป็นเนื้อปู เนื้อปลา ไข่กุ้ง หรือของสดอื่นๆก็มีขายนะคะ ของสดน่าดูค่ะ บางร้านก็ยืนแล่กันหน้าร้านเลยและด้านในร้านทำเป็นร้านขายซูชิด้วย แบบว่าครบวงจรเชียวค่ะ
ร้านที่เก็บมาฝากกันอีกร้านคือร้านขายขาค่ะ ขอบอกว่าชาเขียวของญี่ปุ่นรสชาดดีนะคะ มีหลายสายพันธ์และหลายยี่ห้อทีเดียว เลือกซื้อเลือกหากันได้ตามใจชอบเลยค่ะ
เดินต่อไปอีกนิดฝนเจ้ากรรมก็เริ่มปรอยๆลงมา ร้านค้าต่างก็พากันกางผ้าใบออกมากันฝนไม่ให้หล่นลงบนสินค้า เราสองคนเดินผ่านฝนที่กำลังปรอยลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ฝนตกอะ เราเริ่มบทการสนทนาขึ้นกลางสายฝน เดินต่อได้ป่าวยุ่ง หันหลังไปถามโอ๋เล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง
เดินได้ ไม่เป็นไร โอ๋ตอบกลับมาพร้อมกับเอามือบังฝน

เดินมาได้ไม่ถึง 10 ก้าวฝนก็หยุดตกซะงั้น เรามองหน้ากันแล้วหัวเราะ สงสัยฝนจะไล่ให้เรารีบกลับไปหาแม่ พูดเสร็จเรายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู โห ... เกือบ 4 โมงแล้ว เราหันมาบอกโอ๋
งั้นเดี๋ยวเราเลี้ยวกันที่ขวามือด้านหน้าเลยละกัน เพราะว่าจะเดินออกจากตลาดได้คงเกือบชั่วโมง

ฝั่งที่เราเดินมานี้ส่วนใหญ่จะขายเสื้อผ้าค่ะ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าวัยรุ่น
สิ่งที่โชคดีที่สุดสำหรับการเดินเที่ยวตลาดในวันนี้ก็คือ เรามาพบร้านขายของแบรนด์เนมมือสองโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งเป็นอะไรที่โอ๋ยินดีสุดๆ ของแบรนด์เนมที่นำมาขายก็มีนาฬิกา กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าตังค์ มีหลากหลายแบรนด์ ใครสนใจก็มาดูของกันได้นะคะ แต่สำหรับเราแล้วคิดว่าราคากับสภาพมันยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่
เราเองไม่ค่อยชอบของแบรนด์เนม เลยออกมาดูของอยู่ด้านหน้าค่ะ  ภาพที่เห็นเป็นร้านขายของมือสองที่ตั้งอยู่ที่ตลาด ใครผ่านไปผ่านมาเห็นร้านนี้ก็เข้าไปชมได้เลยค่ะ ไม่ซื้อไม่หาพนักงานก้ไม่ว่าค่ะ
เป็นอย่างที่ว่าจริงๆค่ะ กว่าจะออกจากตลาดได้ก็ปาเข้าไปเกือบ 5 โมงเย็น งานนี้แพลที่จะไป akihabara จะเป็นยังไงบ้างนะ ...

เราออกจากตลาดมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ uneo ซึ่งคราวนี้เราจะไม่นั่งใต้ดินค่ะ จะไปนั่งลอยฟ้าสาย yamanote ซึ่งผ่านย่าน akihabara  ย่านนี้จะเป็นสถานที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้อง หรืออื่นที่เป็นสินค้า electronic ค่ะ นั่งสาย yamanote มาลงที่ akihabara ก็หาทางออกมุ่งหน้าไปย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีค่ะ  เราเดินดูสินค้ามากมายหลายรายการ หลายร้าน ฝนเจ้ากรรมก็เริ่มทยอยปรอยลงมาอีกแล้ว ... สินค้าที่นี่มีตั้งแต่สายไฟ ปลั๊ก ไปจนถึง หม้อหุงข้าว ทีวี คอมพิวเตอร์ กล้อง และอื่นๆอีกเพียบค่ะ อ้อ...sextoy ก็มีอยู่หลายร้านเหมือนกันนะคะ ใครที่ชอบหากแวะมาย่านนี้ก็หาติดมือไปได้ค่ะ เสียดายเราสองคนใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ต้องกลับไปเจอแม่จ้องที่คามาตะแล้วค่ะ โดนตามตัวด่วนเนื่องจากตะลอนเที่ยวกันไม่สนใจแม่เลย 555++  สุดท้ายได้ของติดมือกลับมาจากakihabara 2 ชิ้น จะเป็นอะไรนั้นขออุบไว้ละกันค่ะ
เรามุ่งหน้ากลับไปยังสถานี akihabara นั่งรถไฟสาย yamanote กลับไปยังคามาตะเพื่อเจอแม่ที่นั่นค่ะ เพราะโดนโทรตามกระหน่ำหลายสายแร้ววววว วว ว  
ในรีวิวหน้าจะพาไปกินราเมนอร่อยๆที่คามาตะนะคะ อย่าลืมติดตาม... สำหรับวันนี้ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนคร๊า... จุ๊บๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น