วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ เที่ยววัดอาซาคุสะ ตอนจบ

จากรีวิวก่อนหน้านี้เราได้เดินลัดเลาะผ่านร้านขายของที่อยู่ด้านหน้า ผ่านร้านขายขนมและได้ชิมขนมอร่อยๆมาจนถึงด้านหน้าของวัดอาซาคุสะแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเข้าไปชมความงามของวัดด้านในกันแล้วค่ ซึ่งด้านในของวัดนั้นยังคงมีโคมไฟยักษ์ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของที่นี่แขวนอยู่ตรงประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชม
ก่อนเข้าไปด้านในก็ตามระเบียบของนักท่องเที่ยวหลายๆคน ขอเก็บภาพกับโคมไฟยักษ์เป็นที่ระลึกหน่อยค่ะ เรารอให้ผู้คนเดินผ่านเจ้าโคมไฟอยู่หลายนาที ในที่สุดก็ได้จังหวะแล้ว เราโผเข้าไปยืนใต้โคมไฟยักษ์และบอกให้โอ๋กดชัตเตอร์ลงไป โดยให้เราทำมุมกับโคมไฟแบบพอดิบพอดี
เอาละนะ ทำแบบให้มันเอียงๆหน่อยอะ เราบอกโอ๋
ทำยังไงอะ ทำไม่เป็น โอ๋เริ่มชักสีหน้าเล็กน้อย
ก็เอาเค้าไว้ตรงมุมด้านล่างอะ แล้วเสยกล้องขึ้นไปด้านบนอะ เราเริ่มเสียงแข็งบ้าง
จะถ่ายละ เดี๋ยวค่อยมาดูเองละกัน ไม่ชอบก็ลบทิ้ง โอ๋เสียงแข็งบ้าง อะ 1-2-3 แชะ
และรูปก็ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ จะบอกว่าโอเคซะทีเดียวก็คงไม่ใช่ แต่...ขืนให้โอ๋ถ่ายอีกซัก 2-3มีหวังหน้างอแหงๆ
เดินเข้ามาด้านในของตัววัด จะมีกระถางธูปอยู่กึ่งกลางลานวัดพอดีค่ะ กระถางธูปอันนี้เชื่อกันว่าถ้านำเรากวักควันธูปเข้าหาตัวก็จะเจอแต่สิ่งดีๆอะไรประมาณนี้ค่ะ เราสองคนมองหน้ากันเล็กน้อย โอ๋เดินลิ่วเข้าไปหากระถางธูป ส่วนเรางานนี้ขอบาย เกรงว่ากลิ่นควันจะเข้าเลนส์ค่ะ ยุ่งไปเองละกันนะ เค้าไม่เข้าไปอะ เดี๋ยวกล้องจะพัง เรารีบบอกโอ๋ เพราะห่วงกล้อง
งั้นเค้าไปกวักควันเองละกัน ที่รักก็ยืนรอเค้านะ โอ๋หันมายิ้ม
ที่กระถางธูปคนค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ บ้างก็กำลังยืนปักธูป บ้างก็ยืนพนมมือไหว้ บ้างก็ยืนกวักควันเข้าหาตัว เราจัดเจงนำกล้องยัดลงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วเดินตามเข้าไป อิอิ เกิดอยากได้ควันธูปติดตัวบ้างอะนะ ^^ .... เดินตรงไปยังกระถางธูปกวักควันเข้าหาตัวสามครั้งแล้วยกมือขึ้นไหว้ สาธุ ขอให้ครอบครัวของลูกมีแต่สิ่งดีๆเข้ามานะเจ้าคะ...  อธิฐานเสร็จก็นำมือลูบหัวไปด้านหลัง
ยุ่งเสร็จยังเนี่ย เราถามโอ๋เหมือนที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น เหตุเพราะเราคุยกันดังมากเสมือนว่าที่นี่คือเมืองไทย แต่ไม่แคร์ค่ะ ชอบที่ได้พูดภาษาไทย ชอบที่ได้ป่าวประกาศว่าเราคื่อคนไทยที่อยู่ใต้ร่มพระบารมีของในหลวง
เสร็จแล้ว โอ๋หันมาพร้อมกับทำหน้าเหยเก เพราะควันเข้าตา
สมควรละ เราตอกย้ำโอ๋ เข้าไปตั้งนานเพิ่งออกมา ไม่สำลักควันตายก็บุญละ สิ้นเสียงเราก็หัวเราะออกมา ทำให้โอ๋มองหน้าด้วยอาการงอนเล็กน้อย
เดี๋ยวเหอะไอ่หมู เดี๋ยวจะโดน โอ๋พูดพร้อมกับเอามือชี้มายังหน้าเราเล็กน้อย
ไม่ห่างจากกระถางธูปมากนักมีบ่อน้ำเล็กๆให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาสักการะได้ชำระร่างกายก่อนเข้าไปกราบไหว้ด้านใน ... จะเรียกว่าบ่อน้ำก็ไม่ถูกนักค่ะ เพราะมีลักษณะเหมือนบ่อแต่มีน้ำพุอยู่ด้านบนอย่างที่เห็นในรูปเลยค่ะ เป็นธรรมเนียมของเด็กใหม่ค่ะที่ก่อนจะเข้าไปยังตัวบ่อน้ำ เราต้องด้อมๆมองๆรุ่นพี่ที่อยู่ตรงบ่อว่าเขาทำอะไรกันบ้าง เท่าที่สังเกตุก็เห็นว่ามีการตักน้ำแล้วนำเข้าปาก และนำน้ำเทลงฝ่ามือพรมหน้าและแขน เอาล่ะค่ะ ...ได้เวลาเด็กใหม่ต้องเดินตามรอยเท้ารุ่นพี่แล้ว... เราสองคนเดินไปยังบ่อน้ำและนำกระบวยตักน้ำลงไป ... เราได้น้ำมาแล้วอันดับแรกก็ล้างมือด้านซ้าย ล้างมือด้านขวา สุดท้ายนำน้ำเข้าปาก...แต่ลืมบ้วนออกมาค่ะ กลืนน้ำลงคอดังเอื้อกทำให้โอ๋ที่อยู่ด้านข้างหันมามอง
ไอ่หมู ทำไมไม่บ้วนน้ำทิ้ง โอ๋ถามด้วยสีหน้างงๆ ปนหัวเราะเล็กน้อย
อ้าว...ลืมอะ กลืนลงไปแล้ว ทำไงดี เราเริ่มมีสีหน้ากังวล พร้อมกับหันไปมองรอบๆข้าง ทุกคนนำน้ำเข้าไปในปากและบ้วนออกมาทั้งนั้น แต่เรากลืน!!!!!!!!
แม่หมู น้ำจะสะอาดหรือป่าวเนี่ย หมูกลืนลงไปแล้วอะ ทำไงดี เราเกาะแขนโอ๋ ทำสีหน้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ
 555++ ใครเค้าบอกให้กลืนลงไปล่ะเนี่ย โอ๋หัวเราะไม่หยุด
ไม่รู้อะ ลืมบ้วนอะ กลืนลงไปเลย เราหัวเราะมั่ง คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ หรือเป็น หรือไม่เป็น เอ๋า ยังไงเนี่ย เราเริ่มสับสนในตัวเอง
ไม่รู้เหมือนกัน แต่กลืนลงไปแล้วนี่ โอ๋เริ่มซ้ำ
จะมีคนกลืนน้ำเหมือนเค้ามั๊ยเนี่ย เราเริ่มกังวลขึ้นมาอีก
คงมีแหละ อย่าคิดมากเลย โอ๋เริ่มปลอบ
เราสองคนเดินออกมาจากบ่อน้ำแต่อาการกังวลของเราก็ยังไม่เลิก คอยถามโอ๋อยู่ตลอดเวลาว่ากินน้ำในบ่อแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ น้ำสกปรกหรือไม่ กังวลสารพัดจริงๆค่ะ
ก่อนขึ้นไปด้านบนก็ถ่ายรูปเป็นระลึกเล็กน้อยค่ะ เหลือบไปเห็นหีบใบใหญ่ๆด้านบนซึ่งมีคนรุมอยู่พอสมควร เราสองคนมองหน้าและแอบยิ้มมุมแก้มเล็กน้อย บอกเป็นนัยๆว่า เดี๋ยวขึ้นไปดูกันว่ามันคืออะไร
เจ้าหีบที่ว่านี้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรายืนมองดูคนอื่นๆหยอดเหรียญลงไปในหีบค่ะ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการอธิฐานขอพรจากการหยอดเหรียญลงไปด้านล่าง เราหยิบเหรียญ 100 เยนขึ้นมายกมือพนมแล้วอธิฐานของให้พ่อกะแม่มีร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ หลังจากนั้นหย่อนเหรียญลงไปในกล่องแล้วเดินเข้าไปด้านในกันต่อ

ด้วยความที่ด้านในมีคนค่อนข้างหนาแน่นพอสมควร เราสองคนจึงยืนไหว้พระกันที่ด้านหน้าเท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นก็มายืนมองวิวทิวทัศน์ของวัดแห่งนี้ ด้านขวามือของเรามีเด็กๆมาทัศนศึกษากันด้วยล่ะ นั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยกันเลยทีเดียว เดินลงมาด้านล่างเตรียมตัวออกจากวัดอาซาคุสะ ก็มาเจอกับสิ่งนี้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าคืออะไร อ่านไม่ออกซะด้วยสิ อิอิ แต่ขอเดาว่าน่าจะเป็นถังน้ำดับเพลิงในสมัยโบราณหรือเปล่านะ อื้ม... ไม่แน่ใจจริงๆ
ที่รัก มาถ่ายอันนี้เก็บไว้สิ เสียงโอ๋เรียกให้เราเข้าไปใกล้
อันนี้อะนะ มันคืออะไรเนี่ย เราทำหน้างงๆ
ไม่รู้เหมือนกัน แต่ขอถ่าย 1 รูปนะ โอ๋ยิ้ม
อื้อ ถ่ายก็ถ่าย ม่ะ...

เราสองคนเดินเล่นในวัดกันอีกซักพัก เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือได้เวลาอันสมควรที่จะออกเดินทางไปที่อื่นกันต่อแล้วค่ะ ก่อนอำลาวัดอาซาคุสะ ก็ไม่ลืมที่จะแวะร้านไอศรีมที่เจอก่อนเข้ามายังตัววัด

ร้านไอศรีมร้านนี้มีไอศรีมหลากหลายรสชาดเลยค่ะ น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30 รสได้ โอ๋ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าร้านรอให้เราเข้าไปสั่งไอศรีมให้
ที่รัก มาสั่งให้เค้าหน่อยสิ โอ๋กวักมือเรียกอยู่หน้าร้าน
ทำไมอะ เค้าไม่มีเมนูให้เหรอ เราเริ่มซัก
มี โอ๋ตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
อื้อ มีก็สั่งสิ เรายิ้ม แต่โอ๋เริ่มทำสีหน้าไม่ค่อยดีแล้ว ทำให้เรารู้ตัวว่าต้องรีบเดินเข้าไปหาทันทีโอเคๆๆๆ รู้แล้วจ้า เราพูดพร้อมกับเดินลิ่วไปหาโอ๋
เราคุยกับคนขายเล็กน้อย แล้วแจ้งไปว่าต้องการไอศรีมรสชาเขียว แม๊ๆๆๆ จะสั่งไม่ได้ยังไงล่ะคะ ภาษาอังกฤษหราเลยนะในเมนูน่ะ อ่อ...รู้แล้วว่าเพราะอะไร อิอิ เก็บไว้เป็นความลับดีกว่า ....

หลังจากโซ้ยไอศรีมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปของเราสองคนคือย่าน ueno ค่ะ ระหว่างเดินออกมาด้านนอกก็เจอคุณอาคนนึงแต่ตัวแบบโบราณขายขนม มีนักท่องเที่ยวดูกันเพียบเลยค่ะ แต่...ไ่ม่มีใครซื้อขนมแกซักคน ><"
เอาล่ะค่ะ ได้เวลาอำลาย่านอาซาคุสะกันแล้ว เราไปต่อกันที่ย่านอุเอโนะกันเลยดีวกว่า อย่าลืมติดตามการเดินทางจากวัดอาซาคุสะไปย่านอุเอโนะนะคะ ไปดูว่าที่ย่านนั้นเค้ามีอะไรดีๆบ้าง 
เราจะนั่งเจ้ารถไฟ subway สาย ginza ไปลงที่สถานีอุเอโนะกันค่ะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น