ก่อนเข้าไปด้านในก็ตามระเบี ยบของนักท่องเที่ยวหลายๆคน ขอเก็บภาพกับโคมไฟยักษ์เป็นที่ ระลึกหน่อยค่ะ เรารอให้ผู้คนเดินผ่านเจ้ าโคมไฟอยู่หลายนาที ในที่สุดก็ได้จังหวะแล้ว เราโผเข้าไปยืนใต้โคมไฟยักษ์ และบอกให้โอ๋กดชัตเตอร์ลงไป โดยให้เราทำมุมกับโคมไฟแบบพอดิ บพอดี
“เอาละนะ ทำแบบให้มันเอียงๆหน่อยอะ” เราบอกโอ๋
“ทำยังไงอะ ทำไม่เป็น” โอ๋เริ่มชักสีหน้าเล็กน้อย
“ก็เอาเค้าไว้ตรงมุมด้านล่างอะ แล้วเสยกล้องขึ้นไปด้านบนอะ” เราเริ่มเสียงแข็งบ้าง
“จะถ่ายละ เดี๋ยวค่อยมาดูเองละกัน ไม่ชอบก็ลบทิ้ง” โอ๋เสียงแข็งบ้าง อะ 1-2-3 แชะ
และรูปก็ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ จะบอกว่าโอเคซะทีเดียวก็คงไม่ ใช่ แต่...ขืนให้โอ๋ถ่ายอีกซัก 2-3มีหวังหน้างอแหงๆ
เดินเข้ามาด้านในของตัววัด จะมีกระถางธูปอยู่กึ่งกลางลานวั ดพอดีค่ะ กระถางธูปอันนี้เชื่อกันว่าถ้ านำเรากวักควันธูปเข้าหาตัวก็ จะเจอแต่สิ่งดีๆอะไรประมาณนี้ค่ ะ เราสองคนมองหน้ากันเล็กน้อย โอ๋เดินลิ่วเข้าไปหากระถางธูป ส่วนเรางานนี้ขอบาย เกรงว่ากลิ่นควันจะเข้าเลนส์ค่ะ “ยุ่งไปเองละกันนะ เค้าไม่เข้าไปอะ เดี๋ยวกล้องจะพัง” เรารีบบอกโอ๋ เพราะห่วงกล้อง
“งั้นเค้าไปกวักควันเองละกัน ที่รักก็ยืนรอเค้านะ” โอ๋หันมายิ้ม
ที่กระถางธูปคนค่อนข้างเยอะที เดียวค่ะ บ้างก็กำลังยืนปักธูป บ้างก็ยืนพนมมือไหว้ บ้างก็ยืนกวักควันเข้าหาตัว เราจัดเจงนำกล้องยั ดลงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วเดิ นตามเข้าไป อิอิ เกิดอยากได้ควันธูปติดตัวบ้ างอะนะ ^^ .... เดินตรงไปยังกระถางธูปกวักควั นเข้าหาตัวสามครั้งแล้วยกมือขึ้ นไหว้ สาธุ ขอให้ครอบครัวของลูกมีแต่สิ่งดี ๆเข้ามานะเจ้าคะ... อธิฐานเสร็จก็นำมือลูบหัวไปด้ านหลัง
“ยุ่งเสร็จยังเนี่ย” เราถามโอ๋เหมือนที่นี่ไม่ใช่ญี่ ปุ่น เหตุเพราะเราคุยกันดังมากเสมื อนว่าที่นี่คือเมืองไทย แต่ไม่แคร์ค่ะ ชอบที่ได้พูดภาษาไทย ชอบที่ได้ป่าวประกาศว่าเราคื่ อคนไทยที่อยู่ใต้ร่มพระบารมี ของในหลวง
“เสร็จแล้ว” โอ๋หันมาพร้อมกับทำหน้าเหยเก เพราะควันเข้าตา
“สมควรละ” เราตอกย้ำโอ๋ “เข้าไปตั้งนานเพิ่งออกมา ไม่สำลักควันตายก็บุญละ” สิ้นเสียงเราก็หัวเราะออกมา ทำให้โอ๋มองหน้าด้วยอาการงอนเล็ กน้อย
“เดี๋ยวเหอะไอ่หมู เดี๋ยวจะโดน” โอ๋พูดพร้อมกับเอามือชี้มายั งหน้าเราเล็กน้อย
ไม่ห่างจากกระถางธูปมากนักมีบ่ อน้ำเล็กๆให้นักท่องเที่ยวที่ เข้ามาสักการะได้ชำระร่างกายก่ อนเข้าไปกราบไหว้ด้านใน ... จะเรียกว่าบ่อน้ำก็ไม่ถูกนักค่ะ เพราะมีลักษณะเหมือนบ่อแต่มีน้ ำพุอยู่ด้านบนอย่างที่เห็นในรู ปเลยค่ะ เป็นธรรมเนียมของเด็กใหม่ค่ะที่ ก่อนจะเข้าไปยังตัวบ่อน้ำ เราต้องด้อมๆมองๆรุ่นพี่ที่อยู่ ตรงบ่อว่าเขาทำอะไรกันบ้าง เท่าที่สังเกตุก็เห็นว่ามีการตั กน้ำแล้วนำเข้าปาก และนำน้ำเทลงฝ่ามือพรมหน้ าและแขน เอาล่ะค่ะ ...ได้เวลาเด็กใหม่ต้องเดิ นตามรอยเท้ารุ่นพี่แล้ว... เราสองคนเดินไปยังบ่อน้ ำและนำกระบวยตักน้ำลงไป ... เราได้น้ำมาแล้วอันดับแรกก็ล้ างมือด้านซ้าย ล้างมือด้านขวา สุดท้ายนำน้ำเข้าปาก...แต่ลืมบ้ วนออกมาค่ะ กลืนน้ำลงคอดังเอื้อกทำให้โอ๋ที ่อยู่ด้านข้างหันมามอง
“ไอ่หมู ทำไมไม่บ้วนน้ำทิ้ง” โอ๋ถามด้วยสีหน้างงๆ ปนหัวเราะเล็กน้อย
“อ้าว...ลืมอะ กลืนลงไปแล้ว ทำไงดี” เราเริ่มมีสีหน้ากังวล พร้อมกับหันไปมองรอบๆข้าง ทุกคนนำน้ำเข้าไปในปากและบ้ วนออกมาทั้งนั้น แต่เรากลืน!!!!!!!!
“แม่หมู น้ำจะสะอาดหรือป่าวเนี่ย หมูกลืนลงไปแล้วอะ ทำไงดี” เราเกาะแขนโอ๋ ทำสีหน้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ
“ 555++ ใครเค้าบอกให้กลืนลงไปล่ะเนี่ย” โอ๋หัวเราะไม่หยุด
“ไม่รู้อะ ลืมบ้วนอะ กลืนลงไปเลย” เราหัวเราะมั่ง “คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ หรือเป็น หรือไม่เป็น เอ๋า ยังไงเนี่ย” เราเริ่มสับสนในตัวเอง
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่กลืนลงไปแล้วนี่” โอ๋เริ่มซ้ำ
“จะมีคนกลืนน้ำเหมือนเค้ามั๊ ยเนี่ย” เราเริ่มกังวลขึ้นมาอีก
“คงมีแหละ อย่าคิดมากเลย” โอ๋เริ่มปลอบ
เราสองคนเดินออกมาจากบ่อน้ำแต่ อาการกังวลของเราก็ยังไม่เลิก คอยถามโอ๋อยู่ตลอดเวลาว่ากินน้ ำในบ่อแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นหรื อไม่ น้ำสกปรกหรือไม่ กังวลสารพัดจริงๆค่ะ
ก่อนขึ้นไปด้านบนก็ถ่ายรูปเป็ นระลึกเล็กน้อยค่ะ เหลือบไปเห็นหีบใบใหญ่ๆด้านบนซึ ่งมีคนรุมอยู่พอสมควร เราสองคนมองหน้าและแอบยิ้มมุ มแก้มเล็กน้อย บอกเป็นนัยๆว่า เดี๋ยวขึ้นไปดูกันว่ามันคืออะไร
เจ้าหีบที่ว่านี้มีลักษณะเป็นสี ่เหลี่ยมผืนผ้า เรายืนมองดูคนอื่นๆหยอดเหรี ยญลงไปในหีบค่ะ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการอธิ ฐานขอพรจากการหยอดเหรียญลงไปด้ านล่าง เราหยิบเหรียญ 100 เยนขึ้นมายกมือพนมแล้วอธิ ฐานของให้พ่อกะแม่มีร่างกายแข็ งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ หลังจากนั้นหย่อนเหรี ยญลงไปในกล่องแล้วเดินเข้าไปด้ านในกันต่อ
ด้วยความที่ด้านในมีคนค่อนข้ างหนาแน่นพอสมควร เราสองคนจึงยืนไหว้พระกันที่ด้ านหน้าเท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นก็มายืนมองวิวทิวทั ศน์ของวัดแห่งนี้ ด้านขวามือของเรามีเด็กๆมาทั ศนศึกษากันด้วยล่ะ นั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยกั นเลยทีเดียว เดินลงมาด้านล่างเตรียมตั วออกจากวัดอาซาคุสะ ก็มาเจอกับสิ่งนี้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าคืออะไร อ่านไม่ออกซะด้วยสิ อิอิ แต่ขอเดาว่าน่าจะเป็นถังน้ำดั บเพลิงในสมัยโบราณหรือเปล่านะ อื้ม... ไม่แน่ใจจริงๆ
“ที่รัก มาถ่ายอันนี้เก็บไว้สิ” เสียงโอ๋เรียกให้เราเข้าไปใกล้
“อันนี้อะนะ มันคืออะไรเนี่ย” เราทำหน้างงๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ขอถ่าย 1 รูปนะ” โอ๋ยิ้ม
“อื้อ ถ่ายก็ถ่าย ม่ะ...”
เราสองคนเดินเล่นในวัดกันอีกซั กพัก เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือได้ เวลาอันสมควรที่จะออกเดิ นทางไปที่อื่นกันต่อแล้วค่ะ ก่อนอำลาวัดอาซาคุสะ ก็ไม่ลืมที่จะแวะร้านไอศรีมที่ เจอก่อนเข้ามายังตัววัด
ร้านไอศรีมร้านนี้มีไอศรี มหลากหลายรสชาดเลยค่ะ น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30 รสได้ โอ๋ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าร้ านรอให้เราเข้าไปสั่งไอศรีมให้
“ที่รัก มาสั่งให้เค้าหน่อยสิ” โอ๋กวักมือเรียกอยู่หน้าร้าน
“ทำไมอะ เค้าไม่มีเมนูให้เหรอ” เราเริ่มซัก
“มี” โอ๋ตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“อื้อ มีก็สั่งสิ” เรายิ้ม แต่โอ๋เริ่มทำสีหน้าไม่ค่อยดี แล้ว ทำให้เรารู้ตัวว่าต้องรีบเดิ นเข้าไปหาทันที“โอเคๆๆๆ รู้แล้วจ้า” เราพูดพร้อมกับเดินลิ่วไปหาโอ๋
เราคุยกับคนขายเล็กน้อย แล้วแจ้งไปว่าต้องการไอศรี มรสชาเขียว แม๊ๆๆๆ จะสั่งไม่ได้ยังไงล่ะคะ ภาษาอังกฤษหราเลยนะในเมนูน่ะ อ่อ...รู้แล้วว่าเพราะอะไร อิอิ เก็บไว้เป็นความลับดีกว่า ....
หลังจากโซ้ยไอศรีมกันเป็นที่เรี ยบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปของเราสองคนคือย่าน ueno ค่ะ ระหว่างเดินออกมาด้านนอกก็เจอคุณอาคนนึงแต่ตัวแบบโบราณขายขนม มีนักท่องเที่ยวดูกันเพียบเลยค่ะ แต่...ไ่ม่มีใครซื้อขนมแกซักคน ><"
เอาล่ะค่ะ ได้เวลาอำลาย่านอาซาคุสะกันแล้ว เราไปต่อกันที่ย่านอุเอโนะกันเลยดีวกว่า อย่าลืมติดตามการเดินทางจากวั ดอาซาคุสะไปย่านอุเอโนะนะคะ ไปดูว่าที่ย่านนั้นเค้ามีอะไรดี ๆบ้าง
เราจะนั่งเจ้ารถไฟ subway สาย ginza ไปลงที่สถานีอุเอโนะกันค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น