ส-อ ที่ผ่านมากลับไปลำพูนด้วยเรื่องเร่งด่วน แต่ก็ยังมิวายแว๊บไปถ่ายรูปค่ะ วันนี้แดดค่อนข้างดีทีเดียว เสียดายที่มีโอ๋คอยเร่งเร้าให้ถ่ายเสร็จเร็วๆ เนื่องจากโอ๋ต้องการไปไหว้พระราหูทรงครุฑที่หมอลักษณ์เพิ่งมาทำพิธีบวงสรวง เรามาดูรายละเอียดของวัดแบบคร่าวๆกันเลยค่ะ ใครที่เห็นว่าลำพูนเป็นทางผ่าน อยากบอกว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่ใช่ทางผ่านนะคะ มีอะไรแอบแฝงอยู่อีกเพียบค่ะ เพียงแค่คุณจะเปิดใจมองหาเท่านั้นเอง
วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิ หาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน ห่างจากศาลากลางจังหวัดประม าณ 150 เมตร มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน คือ ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ ถนนรอบเมืองทาง ทิศตะวันออก และถนนอินทยงยศทางทิศตะวันต ก สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในรัชสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ต่อมาได้รับการบูรณะต่อเติม มาเป็นลำดับ ภายในบริเวณวัดพระธาตุหริภุ ญไชย ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ ซุ้มประตู
ก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณวัด ต้องผ่านซุ้มประตูก่ออิฐถือ ปูนประดับลวดลายวิจิตรพิสดา ร เป็นฝีมือโบราณสมัยศรีวิชัย ประกอบด้วยซุ้มยอดเป็นชั้น ๆ เบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ ใหญ่คู่หนึ่งยืนเป็นสง่า บนแท่น สูงประมาณ 1 เมตร สิงห์คู่นี้ปั้นขึ้นใน สมัยพระเจ้าอาทิตยราช เมื่อทรงถวายวังให้เป็นสังฆ าราม วิหารหลวง
เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล ้วจะเห็นวิหารหลังใหญ่เรียก ว่า "วิหารหลวง" เป็นวิหารหลัง ใหญ่มีพระระเบียงรอบด้าน และมีมุขออกทั้งด้านหน้าและ ด้านหลัง เป็นวิหารที่สร้างขึ้นใหม่แ ทนวิหารหลังเก่า ซึ่งถูกพายุพัดพังทลายไปเมื ่อ พ.ศ. 2466 วิหารหลวงใช้เป็นที่บำเพ็ญก ุศล และประกอบศาสนากิจทุกวันพระ ภายในวิหารประดิษฐานพระปฏิม าใหญ่ ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง บนแท่นแก้วรวม 3 องค์ และพระพุทธ ปฏิมาหล่อโลหะขนาดกลางสมัยเ ชียงแสนชั้นต้น และชั้นกลางอีกหลายองค์
พระบรมธาตุหริภุญไชย เป็นพระเกศบรมธาตุบรรจุในโก ศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์ (ตั้งอยู่ หลังวิหารหลวง) เป็นเจดีย์แบบล้านนาไทยแท้ๆ ที่ลงตัวสวยงาม ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้ว ย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐาน เขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม เจดีย์มีลักษณะ ใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเท พที่จังหวัดเชียงใหม่ สูง 25 วา 2 ศอก ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก 1 คืบ มีสัตติ- บัญชร (รั้วเหล็กและทองเหลือง) 2 ชั้น สำเภาทองประดิษฐานอยู่ประจำ รั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือ และทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์ และฉัตรประจำสี่มุม และหอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่ อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธ ศาสนิกชนทั่วไป พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนีย สถานอันสำคัญยิ่งในล้านนาไท ยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันเพ็ญ เดือน 6 จะมีงานนมัสการ และสรงน้ำพระธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวเมื่อ พ. ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วง ศ์รามัญผู้ครองนครลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทอ งคำบรรจุพระบรมธาตุไว้ภายใน และมีการสร้างเสริมกันต่อมา อีกหลาย สมัยต่อมาในปี พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ครองนครเชียงใหม่ได ้ทรงกระทำการปฏิสังขรณ์บูรณ ะ เสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ การสร้างคราวนี้ได้สร้างโคร งขึ้นใหม่เป็นรูปแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้เพราะในสมัยพระเจ้าต ิโลกราชได้มีความสัมพันธ์กั บลังกาอยู่มาก
พระสุวรรณเจดีย์ สร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษท ี่ 17 ตั้งอยู่ทางขวาของพระบรมธาต ุ สร้างขึ้น โดยพระนางปทุมวดี อัครมเหสีของพระเจ้าอาทิตยร าช ภายหลังเมื่อสร้างพระธาตุฯ เสร็จแล้วได้ 4 ปี พระ สุวรรณเจดีย์องค์นี้เป็นรูป แบบพระปรางค์ 4 เหลี่ยม ฝีมือช่างละโว้มีพระพุทธรูป ประจำซุ้ม ฝีมือและแบบขอมหลงเหลือให้เ ห็นอยู่บ้าง ยอดพระเจดีย์มีทองเหลืองหุ้ มอยู่ ภายใต้ฐานชั้นล่างเป็นกรุบร รจุพระเปิม ซึ่งเป็นพระเครื่องชนิดหนึ่ ง
เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น