“เข้ามาเลยลูก เดี๋ยวเราเอากระเป๋าไปไว้ในห้
“แล้วแม่ละคะป้าอ๊อด” เราถามด้วยความเป็นห่วง
“เค้าปั่นจักรยานตามเรามา อีกซักพักก็คงถึงแล้วล่ะ”
อ้อ...คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้จั กรยานเป็นพาหนะในการเดินทางค่ะ ปั่นกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว
ผ่านการเดินทางจากสนามบินนาริ ตะมาถึงบ้าน ทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้านิดหน่ อยค่ะ เราเอนหลังลงไปนอนบนที่ นอนของแม่หลังยังไม่ทันแตะพื้น เสียงแม่ก็ดังมาจากด้านล่าง... เป็นเหตุให้ต้องดึงหลังกลับมาตั ้งตรงเหมือนเดิมค่ะ แม่เดินเข้ามาทักทายแล้วบอกว่ าให้เราพักผ่อนกันซักครู่เดี๋ ยวจะพาไปเที่ยวย่านคาวาซากิ ซึ่งเป็นถิ่นของแม่อีกถิ่นหนึ่ งค่ะ ... เย็นนี้เราต้องออกไปเจอฮีโร่ซั งซึ่งทำงานอยู่ละแวกนั้น แต่ตอนนี้ขอตัวเอนหลังแป๊บนะคะ
.............................. .............................. ...............
“ไอ่หมู ตื่นได้แล้ว” เสียงของโอ๋เรียกเราให้ตื่ นจากภวังค์ “ไปล้างหน้าได้แล้วนะ แม่บอกว่าจะพาไปหาอะไรกินที่ คาวาซากิ” โอ๋ย้ำให้เราต้องลุกทันที
“โหยย...แม่หมู รู้แล้ว บ่นจังเลย” เราสบถออกไป
“เดี๋ยวจะโดนนะ มาพูดแบบนี้ได้ไง”
เราลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อเรี ยกความสดชื่นกลับคืนมา วันนี้อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็ นเลยทีเดียว เราเหลือบมองออกไปนอกหน้าตา อ่าว... งานเข้าละ ฝนตกลงมาปรอยๆ พื้นถนนชุ่มช่ำไปด้วยสายฝน
“ยุ่งฝนปรอยๆอะ” เราบอกโอ๋ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
“ที่ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้แหละ ตกปรอยๆเดี๋ยวมันก็หยุด” แม่บอกอย่างคนคุ้นเคย
“โห แล้วพรุ่งนี้มันจะตกอีกมั๊ ยอะคะแม่” เราถามแม่ด้วยใจจดจ่อ เนื่องจากเรามีโปรแกรมจะไปนิ กโก้
“น่าจะตกนะ เพราะเห็นพยากรณ์อากาศบอกว่ าจะตกตลอดเวลาที่เราสองคนมาเที่ ยว” แม่พูดพร้อมกับหัวเราะ หึ หึ อ่าว ... งานเข้าสิคะเนี่ย งั้นพรุ่งนี้ต้องมาวัดดวงกันอี กที “แต่มันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ หรอกว่าจะตกช่วงไหน แต่พยากรณ์อากาศที่นี่แม่นนะ” แน่ะ แม่ยังตามมาสำทับอีกรอบ
เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว แม่ชักชวนป้าอ๊อดให้เดิ นทางไปพบฮีโร่ซังด้วยกันที่ คาวาซากิ ... ป้าอ๊อดตอบตกลงด้ วยความเกรงใจแม่ และช่วยแม่ปิดประตูบ้านอย่ างขะมักเขม้น ... ฝนยังคงปรอยลงมาเป็นระยะ มองขึ้นไปบนฟ้าสายฝนเม็ดเล็ กมากๆ เล็กขนาดไหนลองคิดว่าเดิ นตากฝนประมาณ 10 นาทีหัวยังไม่เปียกเลยค่ะ แต่จะเห็นละอองฝนเม็ดเล็กๆอยู่ บนเส้นผมเราเยอะมากเท่านั้นเอง เราทั้งสี่คนพร้อมเดิ นทางออกไปเจอฮีโร่ซังที่ คาวาซากินแล้วค่ะ ออกจากบ้านเลี้ยวซ้ายเพื่อนั่ งรถไฟไปคาวาซากิ อย่างที่บอกไปแล้วค่ะ ญี่ปุ่นวางผังเมืองการเดิ นทางไว้ดีมากๆ ไม่ต้องมีรถส่วนตัวก็สามารถเดิ นทางไปทั่วญี่ปุ่นโดยสะดวกและง่ ายมากๆค่ะ อีกอย่างที่คนญี่ปุ่นไม่นิยมซื้ อรถเพราะที่จอดรถนั้นมีค่าเช่ าที่แพงมากๆ ดังนั้นการเลือกใช้ขนส่ งสาธารณะและจักรยานน่าจะเป็นสิ่ งที่ดีที่สุดค่ะ ด้านข้างของบ้านแม่มีวัดตั้งอยู่ด้วยค่ะ จะหาโอกาสมาถ่ายรูปที่นี่ให้ได้ อิอิ
ระยะทางที่จะเดินไปสถานีรถไฟเพื่อต่อไปยังคาวาซากิมีระยะทางประมาณ 200 เมตรค่ะ ถ้าเป็นที่เมืองไทยคงต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างกันแล้ว แต่มาที่นี่มีแต่เดิน เดิน และเดินค่ะ แต่วันนี้ที่ีญี่ปุ่นเราจะเดิน เดินและเดิน ^_^ เดินผ่านร้านขายของ ไปรษณีย์ และร้านราเมนมาหลายร้านเลยค่ะกว่าจะมาถึงสถานทีรถไฟ กว่าจะเดินมาถึงที่นี่ได้เล่นเอาโอ๋หอบเลยค่ะ ขานั้นอยากลองใช้พาสโมแปะซื้อน้ำที่ตู้จำหน่าย แม่บอกว่าให้นำพาสโมไปแปะดู ปรากฎว่าเราสามารถซื้อน้ำจากตู้จำหน่ายได้โดยพาสโมได้เลย ซึ่งตู้จำหน่ายน้ำนั้นจะมีทั้งที่แปะของ passmo และ suica สะดวกสบายดีแท้ อ่อ...บัตรของ 7-11 นั่นแหละค่ะ ที่ใช้ได้ที่ 7-11 แต่ของที่นี่เค้าครอบคลุมทั่วประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นขึ้นรถไฟ รถบัส ซื้อของที่ห้างและอื่นๆ บ้านเราก็คงเอาของเค้ามาตามระเบียบ แต่ไม่เป็นที่นิยมเพราะมันใช้ได้ที่เดียวนั่นเอง
ยืนรออยู่ที่สถานีไ่ม่เกิน 5 นาทีรถไฟก็มาจอดเทียบ รถไฟที่เราจะนั่งไปคาวาซากิมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ นั่งไปแค่สถานีเดียวเท่านั้น รถไฟของที่นี่จะมีหลายขบวนนะคะ ถ้ายังจำเส้นใยแมงมุมที่แปะให้ดูในรีวิวก่อนจะเห็นว่าีมีหลายสายเลยทีเดียว ส่วนเจ้ารถไฟที่เราจะนั่งไปคาวาซาิกิคันนี้ไม่ได้เป็นสาย JR ที่วิ่งกับขวักไขว่นะคะ เป็นสาย local ที่วิ่งเชื่อมต่อชานเมืองกะสถานีใหญ่ๆ ซึ่งหากใครไปที่คาวาซากิแล้วจะต่อเข้าไปยังตัวเมืองต้องไปต่อที่สถานทีคาวาซากิของ JR เค้าล่่ะ เพราะเป็น JR เป็นเจ้าใหญ่ รถไฟครอบคลุมโตเกียวเลยทีเดียว นั่ง yamanote ก็เที่ยวโตเกียวได้หมดเลยค่ะ
.........................................................................................................................................
ถึงสถานทีคาวาซากิ เราเดินลงมาด้านล่างของสถานี ที่นี่คนพลุกพล่านเลยทีเดียว ตึกสูงตั้งตระหง่านอยู่สองฟากฝั่งถนน
"ฮีโร่น่าจะมาประมาณ 5 โมง เราสองคนจะไปเดินเล่นกันก่อนมั๊ย" แม่บอกพร้อมกับยิงคำถามไปในตัว
"ไปค่ะแม่" เราตอบทันทีเช่นกัน
"อย่าเดินไปไกลแม่นะ เดี๋ยวจะคลาดสายตา" แม่กำชับ...แปร่ววววววว ววว ยังไม่ทัีนเดินไปไหนเล๊ย แม่ก็มาขัดจังหวะีแล้วค่ะ ><" "ค่ะแม่"
เดินเล่นอยู่หน้าห้างไม่ถึง 10 นาที แม่ก็ตะโกนเรียก "นี่กลับมากันได้แล้ว ฮีโร่มาแล้ว มาสวัสดีฮีโร่กันก่อน" เราสองคนกึ่งเดินกึ่งวิ่ง
"โห ถ่ายรูปได้แค่ 3 รูปแม่เรียกให้รายงานตัวอีกแล้ว" เรา่บ่นกะโอ๋เล็กน้อย
"ไอ่หมู เดี๋ยวจะโดนนะ ไปหาฮีโ่ร่ก่อน เดี๋ยวเราก็ได้ไปถ่ายรูปที่อื่นกันแล้วนี่" โอ๋ปลอบใจ พร้อมกับจูงมือเราไปหาฮีโร่ซัง
ฮีโร่ซังยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างๆแม่ พร้อมกับทักทายเราเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมกับตบท้ายด้วยภาษาไทย "สบายดีมั๊ยครับ""สวัสดีค่ะ ฮีโร่ซัง" โอ๋ทักทาย แต่เจอเราสำทับ
"คอมบังวะ โอะเกงกิเดสสึก๊ะ" จบประโยคโอ๋หันมาค้อนเล็กน้อย
"อะไรเนี่ย โหย เอาหน้าว่ะ" โอ๋บ่น แม่หัวเราะแล้วบอกลูกสาวตัวดีของแม่ว่า
"รุ่งมันฉลาดนะเนี่ย เข้าใจทัก" สิ้นเสียงแม่กะป้าอ๊อดก็หัวเราะกันสองคน
แม่คุยกะฮีโร่ซังก่อนที่จะเดินนำเราเข้าไปด้านในของย่านใจกลางของคาวาซากิ เราเดินผ่านร้านค้าหลายๆร้าน มีทั้งร้านค้าขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ร้านสะดวกซื้อ อ้อ... ขอบอกก่อนว่าเห็นร้านเล็กๆเหล่านี้ขายแบรนด์เนมอย่าคิดว่าเป็นของปลอมเหมือนบ้านเรานะคะ ที่นี่เค้าต่อต้านของปลอมค่ะ ฉะนั้นไว้ใจได้เลยว่าของที่ซื้อไปจากที่นี่ไม่มีของปลอมแน่ๆ ตอนแรกที่เห็นรองเท้าไนกี้ พูม่า หรือยี่ห้ออื่นๆ วางขายอยู่หน้าร้านเล็กๆ ก็ออกอาการงงเล็กน้อย เดินเข้าไปดูราคาก็ 2-3 พันบาท แม่บอกว่า "ไม่ใช่ของปลอมเหมือนบ้านเรานะ เห็นร้านเล็กๆแบบนี้แต่ไม่มีของปลอมจ๊ะ" อืม...มันเป็นแบบนี้เอง
เดินต่อมาอีกนิดก็จะเป็นร้านเล่น slot ค่ะ ที่นี่เค้าเปิดกันอย่างถูกกฎหมายกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะไปตรงไหนของญี่ปุ่นจะมีร้าน slot ตั้งอยู่ตลอด คนที่เข้าไปเ่่ล่นมี 2 ประเภทค่ะ 1. คนทำงานจะมาเล่นหลังเลิกงาน 2.คนแก่ จะมานั่งรอร้าน slot เปิดแต่เช้า อิอิ และคุึณแม่ก็เป็นประเภทที่ 1 ซึ่งอีกไม่นานนักอาจจะต้องเลื่อนมาเป็นประเภทที่ 2 ในเร็ววันล่ะ
"แม่คะ ร้านนี้ร้านอะไรอะคะ" เราถามแม่ด้วยความสงสัย
"ร้าน slot ทีแม่มานั่งเล่นเวลาเลิกงานไง" แม่คลายความสงสัยของเราไปสิ้น
"เดี๋ยวมาครั้งหน้าแม่จะพามาเล่น ครั้งนี้ยังไม่ต้องเล่นหรอก มาแค่ 6 วันเอง" แม่ัตัดบทซะงั้นเลยค่ะ เห็นแล้วอยากลองเล่นดูว่ามันเป็นยังไงกันน้อ อิอิ ...
เดินต่อมาอีกนิดก็จะเป็นร้านเล่น slot ค่ะ ที่นี่เค้าเปิดกันอย่างถูกกฎหมายกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะไปตรงไหนของญี่ปุ่นจะมีร้าน slot ตั้งอยู่ตลอด คนที่เข้าไปเ่่ล่นมี 2 ประเภทค่ะ 1. คนทำงานจะมาเล่นหลังเลิกงาน 2.คนแก่ จะมานั่งรอร้าน slot เปิดแต่เช้า อิอิ และคุึณแม่ก็เป็นประเภทที่ 1 ซึ่งอีกไม่นานนักอาจจะต้องเลื่อนมาเป็นประเภทที่ 2 ในเร็ววันล่ะ
"แม่คะ ร้านนี้ร้านอะไรอะคะ" เราถามแม่ด้วยความสงสัย
"ร้าน slot ทีแม่มานั่งเล่นเวลาเลิกงานไง" แม่คลายความสงสัยของเราไปสิ้น
"เดี๋ยวมาครั้งหน้าแม่จะพามาเล่น ครั้งนี้ยังไม่ต้องเล่นหรอก มาแค่ 6 วันเอง" แม่ัตัดบทซะงั้นเลยค่ะ เห็นแล้วอยากลองเล่นดูว่ามันเป็นยังไงกันน้อ อิอิ ...
เดินผ่านย่าน slot มาแ้ล้วฮีโร่ซังก็เชิญชวนเข้าไปร้านหยอดเหรียญ 100 เยนค่ะ ด้านในจะเป็นตู้หยอดเหรียญซึ่งด้านในมีตุ๊กตา มีของเล่นนาๆชนิดให้เราเข้าไปคีบ ลักษณะก็คล้ายๆกับตู้คีบตุ๊กตาบ้านเรานั่นแหลค่ะ แต่ที่นี่เค้ามีหลากหลายสุดๆ แม่ให้โอ๋ไปแลกเหรียญที่ตู้แลกเหรียญอัตโนมัติจำนวน 1000 เยน หลังจากนั้นแจกเหรียญให้เราทดลองเล่น ได้รับเงินมาจากแม่แล้วเรามายืนมองฮีโร่ซังพยามคีบเจ้าตัวนี้ออกมาจากตู้ รอบแรกหมดหวังค่ะ เจ้าตุ๊กตาไม่ยอมหล่น ฮีโร่แกเลยเดินไปตู้อื่นๆบ้าง
ได้ตุ๊กตาติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ แม่มองดูนาฬิกาที่อยู่ในข้อมือ
"ไปหาอะไรกินกันได้แล้ว ฮีโร่ซังต้องกินข้าวตรงเวลา เพราะต้องทานยาด้วย" แม่บอก "เราสองคนอยากกินอะไรกัน" แม่ถามต่อ
"อะไรก็ได้ค่ะแม่" เราตอบแม่ไป
แม่หันไปคุยกะฮีโ่ร่ซังเรื่องอาหารการกิน จับใจความได้ว่า มื้อนี้ฮีโร่จะเลี้ยงต้อนรับเราสองคนด้วยเนื้อย่างค่ะ
"เดี๋ยวไปกินเนื้อย่างร้านอร่อยกันนะ" แม่หันมาบอกพร้อมกับเดินนำหน้าไป
เราเดินเข้ามาด้านในจากตัวสถานีคาวาซากิประมาณ 150 เมตร ก็พบร้านเนื้อย่างร้านนี้ค่ะ เป็นตึกแถวเล็กๆ ซึ่งร้านตั้งอยู่ชั้นสองของตัวอาคาร ตามมากันเลยนะคะ ท่าทางจะอร่อยใช่เล่น...
เดินขึ้นมาด้านบน ฮีโร่ซังทักทายพนักงานในร้านได้ความว่าอีก 10 นาทีร้านถึงจะเปิดบริการ ดังนั้นเราทั้ง 5 คนเลยนั่งรออยู่ด้านหน้า้ร้านค่ะ ภายในร้านตกแต่งไปด้วยขวดสาเก ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อเหลือเกิน
"ถ่ายรูปรวมกันมั๊ยเดี๋ยวป้าอ๊อดถ่ายให้"
"ได้ค่ะป้าอ๊อด งั้นรบกวนด้วยนะคะ" เราตอบป้าอ๊อดพร้อมกับยื่นกล้องตัวโปรดที่อยู่ในมือให้ป้าอ๊อดถ่ายรูป
"หนึ่ง สอง สาม" แช๊ะ ป้าอ๊อดกดชัตเตอร์ลงไป 2 รูป
เราหยิบกล้องมาดูรูปในจอ LCD
"แม่เก๊กอีกละ 555++ " โอ๋พูดพร้อมกับขำท่าทางของแม่
"อ้าว ก็เขาถ่ายรูปแล้วทำหน้าแบบนี้อยู่แล้วนะ" แม่ตอบโอ๋ด้วยอาการค้อนนิดๆ
เราหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะหยุดลงเมื่อพนักงานเดินมาเชื้อเชิญให้เราเข้าไปด้านใน
ในร้านมีที่นั่ง 2 แบค่ะ คือแบบโต๊ะตามปกติ กับแบบห้องส่วนตัว เราเข้ามานั่งให้ห้องซึ่งถูกกั้นด้วยฉากแบบญี่ปุ่น ลักษณะของห้องจะเจาะรูเป็นสี่เหลี่ยมไว้ตรงกลางห้อง ด้านบนถูกวางทับด้วยโต๊ะขนาดกระทัดรัด ที่นั่งจะเป็นระดับเดียวกับพื้นห้องค่ะ เวลานั่งก็หย่อนขาลงไปใต้โต๊ะ ทำให้นั่งกินได้สะดวกไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นเหน็บชา ^__^ พนักงานนำเมนูมาให้ แม่ยื่นให้เราดูรายการอาหาร
"แหมแม่ ยื่นมาให้หนูยังกับว่าหนูอ่านออกงั้นแหละ" โอ๋ค้อนเล็กน้อย
"อ่านไม่ออก ดูรูปก็ยังดี โอ๊ะ...อะไรวะ" แม่ก็แอบจิกโอ๋เล็กน้อยเช่นกัน
คู่นี้กัดกันตลอดจริงๆค่ะ จะกินข้าวแล้วก็ยังมิวาย ><"
ตกลงว่าสุดท้ายฮีโร่ก็เป็นคนสั่งอาหารมาให้เราทุกคนทานค่ะ สั่งเสร็จแล้วพนักงานเริ่มทยอยนำอาหารมาวางบนโต๊ะทีละอย่าง จานแรกเป็นผักผัดซอสงาค่ะ โรยด้วยงาขาวอีกที ผักที่เห็นจะมีผักโขม ถั่วงอก เห็ดแล้วก็หัวไชเท้า จานที่สองเป็นเนื้อ โอยยย...ยังไม่ได้ย่างก็น้ำลายไหลแล้วค่ะ หลังจากที่ได้เนื้อมาเราก็นำเนื้อลงไปย่างในเตาถ่าน เสียงน้ำมันของเนื้อหยดลงไปกระทบกับถ่านด้านล่างดัง ฉู่ฉี่ๆๆๆๆ กลิ่นหอมของเนื้อคละคลุงเต็มห้อง หลังจากนั้นพนักงานก็นำซุปและข้าวเปล่ามาให้ ฮีโร่ซังถามป้าอ๊อดว่ารับเบียร์หรือป่าว ป้าอ๊อดปฎิเสธแต่ฮีโร่บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ เลยสั่งเบียร์มาซดแกล้มเนื้อย่างกันสองคน
นำเนื้อลงไปวางพอสุก เราหยิบเนื้อติดมันขึ้นมา 1 ชิ้น แล้ววางบนข้าวสวยร้อนๆที่ทางร้านเพิ่งยกมาให้ คีบเนื้อย่างเข้าปากและเริ่มกัด เนื้อย่างติดมันชิ้นนี้เมื่อกัดคำแรก น้ำมันของเนื้อแตกกระจายเต็มปาก ทำให้เราสัมผัสถึงความหอมของมันและความนุ่มของเนื้อซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆค่ะ เนื้อไม่เหนียวเลยซักนิด ซึ่งชิ้นที่เราหยิบเข้าปากนั้นค่อนข้างหนาพอสมควร แต่เมื่อฟันบดลงไปบนตัวเนื้อกลับไม่พบความเหนียวเลย โอยยย... มันแทบจะละลายในปากได้เลยค่ะ อร่อยมากๆ
เอื้อมมือไปหยิบผักแกล้ม รสชาดจืดๆสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ แต่ความหอมของน้ำมันงาทำให้รสชาดของผักจานนี้อร่อยได้ไม่น้อย เมื่อกินกับเนื้อย่างแล้วมันช่างเข้ากันเหลือเกิน ส่วนน้ำซุปรสชาดเข้มข้นสุดๆ ไม่เผ็ดจนเกินไป กลิ่นหอมของเครื่องเทศและรสชาดของน้ำซุปของผักก็ลงตัวเหลือหลาย ทำให้เรามีความสุขกับอาหารมื้อนี้สุดๆค่ะ
อิ่มหนำสำราญกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮีโร่เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า เราทั้งสองคนยกมื้อไหว้ พร้อมกล่าวคำขอบคุณเป็นภาษาญี่ปุ่น ฮีโร่ซังตอบมาเป็นภาษาไทย "สบาย สบาย" ซึ่งเป็นคำติดปากของฮีโร่ซังไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนๆ แต่เบื้องหลังเบื้องลึกแล้วคำนี้มาจากการที่ฮีโร่ซังชอบพี่เบิร์ดมากนั่นเอง แกฟังเพลงของพี่เบิร์ดทุกชุด ดูคอนเสริต์และคาราโอเกะทุกชุด บางเพลงร้องคลอตามได้อีกแน่ะ น่ารักจริงๆค่ะ
กินข้าวเสร็จเดินเที่ยวตามร้านขายของอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นกลับเข้าบ้านกันค่ะ คืนนี้อิ่มหนำสำราญพร้อมกับเตรียมตัวออกเดินทางในวันพรุ่งนี้กันต่อ ^_^ อย่าลืมติดตามนะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น