วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ มุ่งหน้าสู่โตเกียว กินซูชิที่คามาตะ

เนื่องด้วยการเดินทางเข้าเมืองของเรานั้นต้องนั่งเจ้ารถไฟคันนี้ แต่โชคดีที่ขึ้นต้นสายค่ะทำให้เราไม่ต้องแย่งกับใคร เดินเข้ามาในตู้รถไฟ จัดแจงวางกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย  ป้าอ๊อดบอกว่า นั่งเลยลูก อยากนั่งตรงไหนก็นั่งเลย เรานั่งต้นสาย สบายๆ ไม่ต้องแย่งกะคนอื่น ถ้าขึ้นกลางทางนะ ยืนเมื่อยเลยลูก  คงจะจริงอย่างป้าอ๊อดบอกค่ะ ถ้าเรายืนไปจนถึงชินากาว่าซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงคงเมื่อยแย่  วางกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย สายตาของเราก็เริ่มสอดส่ายไปมาล่ะ จริงๆ รถไฟฟ้าของทีนี่ก็คล้ายๆกับบ้านเรานะคะ แต่แตกต่างตรงที่เบาะของญี่ปุ่นในหน้าร้อนเขาจะมีฮีตเตอร์ทำความร้อนให้คลายหนาวกันด้วยค่ะ สวัสดิการของคนญี่ปุ่นนี่เจ๋งมากๆเลยนะ น่าอิจฉาสุดๆ แม้ว่าเขาจะโดนเก็บภาษีเยอะแต่สวัสดิการที่ได้รับกลับมามันเกินคุ้มจริงๆค่ะ ไม่เหมือนบ้านเรา ง่ะ... พูดไปเดี๋ยวเข้าการเมืองอีกละ วกกลับมาเรื่องเที่ยวต่อดีกว่า อิอิ
รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวนออกชานชลาแล้วค่ะ เรานั่งเค้าขบวนนี้มุ่งหน้าไปสถานีชินากาว่าเพื่อต่อรถไฟอีกขบวนหนึ่งไปยังสถานีคามาตะ ซึ่งเป็นปลายทางของวันนี้ นั่งรถไฟผ่านบ้าน ผ่านทุ่งนา ผ่านย่านธุรกิจ จริงๆแล้วถ้ามองผิวเผินบรรยากาศของญี่ปุ่นกะของเมืองไทยไม่ต่างกันเลยค่ะ ต่างกันที่ดีไซน์ของตัวบ้านมากกว่า  ..... ขอนั่งงีบก่อนนะคะ เดี๋ยวเจอกันอีกทีที่สถานทีชินากาว่าเลยจ้า
..........................................................................................................

ตื่นกันได้แล้วลูก เดี๋ยวป้ายหน้าเราต้องลงแล้ว เสียงป้าอ๊อดเรียกให้เราสองคนหลุดจากภวังค์ เราลืมตาขึ้นมาพร้อมกับหาวอีก 1 วอด ใกล้ถึงแล้วเหรอคะป้าอ๊อด เราถามป้าอ๊อดด้วยอาการงัวเงีย จ๊ะ เดี๋ยวลงป้ายหน้าแล้วนะ สิ้นเสียงป้าอ๊อด เราเอื้อมมือไปคว้ากล้องให้อยู่ในท่าทะมัดทะแมงพร้อมจะถ่ายรูปทุกเมื่อ
ยุ่ง ตื่นหรือยังอะ เราถามโอ๋เพราะเห็นว่ายังมีอาการสลืมสลือเล็กน้อย ตื่นๆๆๆ เดี๋ยวก็ตามป้าอ๊อดไม่ทันหรอก

กรึงๆๆๆๆๆ เอี๊ยดดดดดดดด  เสียงรถไฟจอดเทียบสถานีชินากาว่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราสามคนเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ป้าอ๊อดเดินนำหน้าลิ่วๆ เรามองหาโอ๋เพราะกลัวคลาดกัน
หิวกันหรือยังลูก ป้าอ๊อดถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
ยังไม่หิวค่ะป้าอ๊อด
โอเคงั้นเดี๋ยวป้าอ๊อดพาเดินดูรอบๆก่อนแล้วไปเข้าห้องน้ำกัน ป้าอ๊อดพูดพร้อมกับนำทาง
.....................................................................................................

สถานีชินากาว่าเป็นสถานีใหญ่เลยค่ะ รถทุกขบวนจะต้องแวะมาส่งผู้โดยสารที่นี่ ญี่ปุ่นวางผังเมืองไว้ได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหรือรถสาธารณะอื่นสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างง่ายดาย นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนที่นี่ไม่นิยมซื้อรถ เพราะการเดินทางค่อนข้างสะดวกสบายสุดๆ  จะสะดวกแค่ไหนเดี๋ยวต้องมาลองกันหน่อย เพราะเราเตรียมโปรแกรมการท่องเที่ยวไว้เพียเลยค่ะ เดินผ่านร้านราเมนหลายร้านเลยค่ะ โอยยย หิวชะมัดเลย ><"
เดินมาแป๊บๆก็มาถึงหน้าห้องน้ำแล้ว งานนี้สองสาวขอตัวเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เรายืนเฝ้าของอยู่ทางด้านหน้า จริงๆก็แค่ยังไม่ปวดเท่านั้นเองค่ะ เลยอาสายืนอยู่หน้าห้องน้ำประหนึ่งว่าเป็นยามเฝ้าทรัพย์  ด้าหน้าของห้องน้ำมี locker เก็บของด้วยค่ะ เจ้า locker นี้เป็นตู้รับฝากของซึ่งเป็นที่นิยมกันในหมู่คนญี่ปุ่นค่ะ สำหรับคนที่ต้องเดินทางไปสถานที่อื่นโดยต้องกลับมายังสถานีเดิมนี้อีกครั้ง เราจะสามารถนำสัมภาระของเราฝากไว้ใน locker นี้ได้ค่ะ ค่าใช้จ่ายจะคิดโดยการหยอดเหรียญลงไปใน locker เพื่อฝากของ ซึ่ง locker มีหลายขนาดค่ะ อย่างที่เราเห็นกันนี้จะเป็นขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่สามาระใส่เป้ใบใหญ่ลงไปได้  แต่มีข้อแม้ว่า ฝากของไว้แล้วอย่าลืมกลับมาเอาด้วยนะคะ ไม่งั้นหาของงงเป็นไก่ตาแตกเลยล่ะ ..
ป้าอ๊อดกะโอ๋ออกมาจากห้องน้ำแล้วค่ะ ขอตระเวนดูของกินกันเล็กน้อยนะคะ เดี๋ยวพาไปดูเพลินๆค่ะ ....

....................................................................................................
ในที่สุดก็โดนชีสเค้กต่อยเข้าที่เบ้าตาดังโป๊ะ โอ๋ยืนเก้ๆกังอยู่ที่หน้าร้านเค๊กจนป้าอ๊อดจับสังเกตุได้
ชอบมั๊ยลูก เดี๋ยวป้าอ๊อดซื้อให้ แม่เค้าฝากเงินมาเผื่อลูกๆจะอยากกินอะไร
โอ๋หันมามองหน้าเรา เรายิ้มแล้วให้ตอบ อยากกินใช่มั๊ย ชิสเค้กเนี่ย ของโปรดเลยนี่ จะเอาป่าว
ยังไม่ทันที่โอ๋จะตอบ ป้าอ๊อดก็ยืนสั่งกะคนขายแล้วหันมาถามโอ๋ว่าชอบชิ้นไหนชี้เลย กล่องนึงสั่งได้ ชิ้น เราเห็นแววตาของโอ๋เป็นประกาย พร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปาก .... โอ๋ชี้ไปยังชิ้นนั้นชิ้นนี้จนครบทั้งหมด 4 ชิ้น ป้าอ๊อดจัดการจ่ายเงินแล้วหันหน้ามาบอกว่าเราเดี๋ยวป้าอ๊อดจะพาไปกินซูชิร้านอร่อยที่คามาตะนะ นัดแม่เค้าไว้ที่นี่
ซูชิ!!!!!!!!!!!!!!! ว้าววววววว เสียงนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเรา เห็นแม่เค้าบอกว่าพวกเราชอบกิน เดี๋ยวป้าอ๊อดพาไป รับรองร้านนี้อร่อยที่สุดในคามาตะ
เราย้ายร่างจากร้านขายของด้านในของสถานีรถไฟ มุ่งหน้าไปยังชานชลาของรถไฟสาย .......... มุ่งหน้าไปคามาตะ งานนี้เรายืนเบียดกับผู้โดยสารในขบวนรถ แต่ยังพอมีที่ให้ยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพได้ โชคดีที่หิ้วเจ้า Sony Nex 5 n มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงแบกNikon D90 ขึ้นเหนือล่องใต้แน่ๆเลยค่ะ  
ไม่ถึง 5 นาทีเราก็มาถึงสถานีคามาตะ งานนี้ป้าอ๊อดไม่พูดพล่ามทำเพลง พาเราเดินลิ่วๆตรงไปยังร้านซูชิทันที ระหว่างทางไปร้านซูชิเราพบเจอร้านหลากหลายไม่ว่าจะเป็นร้านขายดอกไม้ซึ่งตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศฮาโลวีน ... ร้านซูชิ ร้านราเมน ร้านขนมปัง และร้านอื่นๆอีกเพียบ  สถานีคามาตะตั้งอยู่ในตัวห้างค่ะ ดังนั้นเราจึงเดินผ่านร้านค้ามากมายหลายร้าน เสียดายจำชื่อห้างไม่ได้ รู้แต่ว่าซุปเปอร์มาเก็ตในร้านนี้รับ passmo หรือ suica ด้วย อันนี้แหละแจ่มมากมาย ^_^
เดินออกมาจากตัวห้างเลี้ยวซ้ายไปไม่ถึง 50 เมตร ก็มาถึงร้านซูชิที่ป้าอ๊อดภูมิใจนำเสนอกันแล้วค่ะ บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างเรียบง่ายค่ะ เหมือนๆที่เราเห็นในทีวีเลย เราสามคนเดินเข้ามาในร้านพนักงานกล่าวต้อนรับ (ซึ่งเราฟังไม่ออกตามเคย ฮ่าๆๆ) 

 นั่งทานกันที่โต๊ะละกันนะลูก อยากกินอะไรก็สั่งเค้าได้ ป้าอ๊อดชักชวน
ยังไงก็ได้ค่ะป้าอ๊อด เราตอบป้าอ๊อดไป พลางสายตาก็สอดส่องดูซูชิที่วิ่งบนสายพาน
ป้าอ๊อดขอเมนูจากทางร้านแล้วยื่นให้เราเป็นคนตัดสินใจเลือกว่าจะทานอะไรบ้าง ราคาก็มีตั้งแต่ 120 เยนไปจนถึง 380 เยน ตามสีของจานค่ะ (สังเกตุรูปแรกจะเห็นราคาของแต่ละจาน) หยิบเมนูมาแล้วไม่รู้จะกินอะไรเลยค่ะ มันน่ากินไปหมด ไม่ว่าจะเป็นปลาโอ แซลมอน ปลาหมึก กุ้ง ไข่หอยเม่น... โอยยย น้ำลายสอกันเลยทีเดียว

อยากกินอันไหนบอกป้าอ๊อดเลยนะ เดี๋ยวป้าอ๊อดสั่งให้
เราสองคนจัดแจงบอกป้าอ๊อดเสร็จสรรพ แซลมอน ปลาโอ ปลาหมึก กุ้ง ... ลองชิมไข่หอยเม่นมั๊ยลูก โอ๋สายหน้า ไม่เอาค่ะป้าอ๊อด โอ๋กินไม่เป็น
มาถึงญี่ปุ่นน่าจะลองหน่อยนะ บ้านเราไม่มีให้กินหรอก ป้าอ๊อดคะยั้นคะยอ
รุ่งเอาค่ะป้าอ๊อด อยากลองชิมซักหน่อยว่ารสชาดเป็นยังไงบ้าง เราบอกป้าอ๊อดเสียงใส
โอเค เดี๋ยวเราสั่งมากินคนละจาน ส่วนโอ๋ไม่กิน แล้วซุปเอาซุปอะไรกันล่ะ มีซุปหอยลาย ซุปมิโสะ แล้วก็ซุปหัวปลา
เราสองคนมองหน้ากัน เอาซุปอะไรดีล่ะ  โอ๋บอก เค้าขอซุปมิโสะ
ป้าอ๊อดคะ โอ๋เอามิโสะ ร่งขอหอยลายค่ะ เราบอกป้าอ๊อด
งั้นป้าเอาซุปหัวปลา
ตกลงตามนั้นค่ะ เรากินซุปคนละชนิดเลย
 ที่ร้านซูชิ จะมีชาเขียววางด้านข้างให้เราบริการตัวเองค่ะ เติมชาเขียวในกระป๋องลงแก้วแล้วเปิดน้ำร้อนคล้ายๆก๊อกน้ำลงไป แค่นี้ก็ได้ชาเขียวร้อนๆกินแล้วค่ะ คนที่นี่ไม่นิยมกินชาเขียวเย็นเท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะสภาพอากาศของทีนี่ด้วยค่ะ (แอบถ่ายคุณลุงที่นั่งบาร์มาค่ะ อิอิ)

ไม่นานนักซูชิที่เราสั่งไปทั้งหมดก็วางอยู่ตรงหน้า โอ้โห เนิ้อปลาแต่ละชิ้นมันหนามากๆเลยค่ะ ข้าวที่อยู่ใต้ตัวปลาแทบมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว ต่างจากบ้านเราเนื้อมามีน้อยมากๆ ส่วนข้าวเต็มเหยียด.... น้ำซุปพร้อม ซูชิพร้อม... ลงมือกินกันได้เลย.... เราเลือกซูชิหน้าแซลมอนมากินเป็นอันดับแรก อ้ำ...เรานำซูชิเข้าปาก เนื้อแซลมอนนุ่มกระทบลิ้นและกระพุ้งแก้ม โอ้...มันสดและนุ่มมากๆเลยชิ้นนี้ อร๊ายยยยย...อร่อยสุดๆเลยค่ะ ไม่เหมือนบ้านเราที่บางทีเนื้อแซลมอนจะติดมันเยอะ ทำให้รู้สึกเลี่ยนในบางครั้ง แต่ของที่นี่เนื้อแน่นสุดๆ เพิ่มรสชาดในการกินได้ดีเลย  ส่วนจานอื่นๆ เช่นปลาโอ กุ้ง ปลาหมึก รสชาดอร่อยไม่แพ้กันค่ะ น้ำซุปหอยลายที่สั่งมากลิ่นหอยลายคละคลุ้ง ซุปเข้มข้นมากๆ นอกจากจะมีเนื้อหอยลายที่บดละเอียดอยู่ในซุปแล้วยังมีเนื้อหอยลายด้วยล่ะ หอยตัวโตๆเคี้ยวนุ่มในปากพร้อมน้ำซุปร้อนๆ อืม เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆค่ะ
จานเด็ดที่ไม่เคยกินมาก่อนก็ซูชิหน้าไข่หอยเม่นค่ะ เอาไงดีนะเรา จะลองหรือไม่ลองดีหว่า
ลองเลยลูก อร่อยนะ ลองกินดูสิ ไหนๆก็มาถึงถิ่นแล้ว ไม่กินไข่หอยเม่นมันน่าเสียดายนะ ป้าอ๊อดเริ่มยุให้ทดสอบกินหอยเม่น
เรายิ้มให้ป้าอ๊อดเลยน้อยก่อนจะหยิบข้าวหน้าไข่หอยเม่นเข้าปาก อ้ำ....... หืม...มันรู้สึกแปลกแฮะ แต่ยังไงในเมื่อเอาเข้าปากไปแล้วก็ต้องเคี้ยวล่ะค่ะ ... จัดการเคี้ยวเจ้าไข่หอยเม่น ง่ำๆๆๆ อืม..รสชาดมันออกมันๆเลี่ยนๆ แต่อร่อยค่ะ ... ป้าอ๊อดยื่นขิงดองให้ เรารับขิงดองมาแล้วจัดการโยนเข้าปาก อื้ม กินคู่กันมันไม่เลี่ยนเลยและขิงดองของที่นี่ไม่หวาน มีรสชาดขิงอยู่ครบถ้วน ทำให้ซูชิหน้าไข่หอยเม่นในขณะนี้อร่อยแบบสุดๆ  ในที่สุดก็จัดการไข่หอยเม่นให้หายวับไปกับตาจนได้ อิอิ .....
ป้าอ๊อดยกนาฬิกาขึ้นมาดู จะบ่ายสองแล้ว แม่น่าจะเลิกงานแล้วนะ เดี๋ยวป้าอ๊อดโทรหาแม่ก่อน
ป้าอ๊อดเดินไปหยอดเหรียญที่ตู้โทรศัพท์โทรหาแม่ เนื่องจากแม่ได้บอกป้าอ๊อดว่าถ้าถึงคามาตะแล้วให้โทรรายงานตัว ป้าอ๊อดเดินกลับมาพร้อมกับบอกเราสองคนว่าเดี๋ยวแม่จะปั่นจักรยานมาหาที่นี่ อีกไม่กี่อึดใจ ร่างของแม่ก็เดินเข้ามาในร้าน วันนี้แม่แต่งตัวจ๊าบเหมือนเคย เสื้อยืดกางเกงยีนส์แจ๊คเก็ต พร้อมหมวกคู่ใจ... เราสองคนมองแม่แล้วหันหน้าพูดพร้อมกัน แม่ผอมลงไปเยอะเลย
เป็นไงกันบ้างล่ะเราสองคน เป็นประโยคแรกที่แม่ทักทาย
แม่ผอมไปเยอะเลยนะเนี่ย โอ๋ตอบคำถามแม่ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามเอาซะเลย
อู๊ยยยยย ผงผอมอะไรกัน ก็ทำงานตลอดเนี่ย
ไม่ผอมยังไงอะ แม่ผอมมากเลยดูสิหน้าตอบหมดแล้ว โอ๋ยังเถียงไม่เลิก
อ้าวรุ่ง แล้วได้กินซูชิหรือยัง แม่เฉไฉมาคุยกะเราเฉ๊ย
อ่อ ทานแล้วค่ะแม่ เนี่ยกินกันจนพุงกางเลยค่ะ ป้าอ๊อดให้ลองกินไข่หอยเม่นด้วย
แล้วเป็นไงอร่อยมั๊ย
อร่อยดีค่ะ เราตอบแม่พร้อมกับส่งยิ้มให้
หลังจากนั้นแม่คุยกะป้าอ๊อดเรื่องการเดินทางไปยังบ้านของแม่และฮีโร่ซัง แม่บอกว่าให้ป้าอ๊อดพาเรานั่งแท๊กซี่กลับบ้าน แต่ป้าอ๊อดขัดใจโดยบอกว่าจะพานั่งรถเมล์หลานๆจะได้รู้ว่าไป-กลับกันยังไง เรารีบสมทบความคิดของป้าอ๊อด เพราะอีกหลายวันข้างหน้า เราสองคนต้องออกตะลอนญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงอยากเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด
เดินออกมาจากร้านซูชิ หน้าร้านเป็นป้ายรถเมล์ค่ะ เราจะนั่งรถเมล์ไปบ้านแม่กันค่ะ เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะจ๊ะ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น