วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ ตามหาอากาศดีๆที่ทาคาโอะซัง

ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนสุดๆเลยนะคะ ค่าไฟหน้าร้อนแบบนี้คงพุ่งกระฉูดกันทุกบ้านแน่ๆเลย ยังไงก็ดูแลตัวเองกันด้วยค่ะ ^__^ 

วันนี้มีนัดไปเที่ยวภูเขาใกล้โตเกียวค่ะ มีเจ้าถิ่นพาไปชมแบบนี้สบายหายห่วง ซึ่งจริงๆแล้วแพลนของเราวันนี้คือการเดินทางไปชิมไข่ดำที่ฮาโกเน่ แต่ด้วยความที่สภาพอากาศไม่ค่อยเื้อื้ออำนวยในการเดินทางเท่าไหร่ เราจึงต้องเปลี่ยนแผนท่องเที่ยวค่ะ แม่และฮีโร่ซังอาสาพาไปเที่ยวที่ทาคาโอะ ซึ่ง ทาคาโอะซังในที่นี้คือภูเขาทาคาโอะนะคะ คนญี่ปุ่นจะเรียกชื่อภูเขาต่อท้ายด้วยคำว่าซัง เช่น ฟูจิซังก็คือภูเขาไฟฟูจิ ไม่ได้แปลว่า คุณฟูิจิแต่อย่างใดนะคะ อิอิ... ดังนั้นทริปนี้ของเราจึงเป็นการท่องเที่ยวที่ทาคาโอะซังทั้งวันเลยค่ะ...เช้าวันนี้เราสองคนกระปรี้กระเปร่าผิดปกติเนื่องจากค่อนข้างตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ 

เดินออกจากบ้านเลี้ยวขวาเล็กน้อยและข้ามถนนตรงทางม้าลาย เดินผ่านซอยที่เราเดินซื้อของที่ห้าง OK เมื่อวานรถเมล์กำลังมุ่งหน้ามาพอดีค่ะ เลยถ่ายรูปเก็บไว้เล็กน้อย รถเมล์ที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราค่ะ ขับสุภาพมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะขับกระชากลากถูกหรือมีคนคอยตะคอกเราให้เดินชิดใน รถเมล์ที่นี่จะมีกล่องหยอดเหรียญหรือที่แปะ passmo หรือ suica เวลาเดินขึ้นไปด้านบนก็แปะบัตรเบ่งอย่างที่ได้เล่าไว้ในตอนแรกๆ เงินก็จะถูกหักไปโดยอัตโนมัติค่ะ เงินในบัตรใกล้จะหมดก็สามารถเติมเิงินได้เหมือนบัตร BTS บ้านเราค่ะ แต่บัตรนี้สามารถนำไปใช้ได้หลายหลายมากๆ ไม่ว่าจะขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า ซื้อของ สะดวกสบายจริงๆ...
เช้านี้เราไปที่สถานีคามาตะด้วยรถแท๊กซี่ค่ะ ฮีโร่ซังบอกว่าไปแท๊กซี่จะดีกว่าเพราะนั่งรถเมล์ 4 คน คนละ 120 เยนก็เยอะแล้ว ดังนั้นไปแท๊กซี่จะคุ้มกว่าเพราะแพงกว่ากันแค่นิดเดียวเอง อ่อ.. ขึ้นแท๊กซี่ญี่ปุ่นไม่ต้องปิดประตูนะคะ เขาจะเป็นประตูอัตโนมัติเราเองก็หน้าแหกมาแ้ล้วค่ะ ขึ้นนั่งปุ๊บปิดประตูโครม โดนแม่ดุเล็กน้อย 5555++

"เฮ่ย...คราวหน้าถ้าขึ้นแท๊กซี่ไ่ม่ต้องปิดประตูให้เค้านะ เดี๋ยวเค้าจะปิดอัตโนมัติให้เราเอง" แม่บอกแกมดุเล็กน้อย
"อ้าว เหรอคะแม่ รุ่งก็ซัดประตูซะโครมเลย 5555+ " เราตอบพร้อมกับหัวเราะ 
"ปิดซะดังยังกะแท๊กซี่เมืองไทยเลย" แม่หัวเราะต่อ 
ไม่ถึง 10 นาทีรถแท๊กซี่พาเราทั้งสี่คนมาถึงสถานีคามาตะเพื่อนั่งเจ้า yamanote ไปยังสถานี tokyo ค่ะ เพื่อต่อรถไฟไปทาคาโอะ วันนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่โล่งไปค่ะ นึกว่าจะต้องเบียดเสียดยัดเยียดเป็นปลากระป๋องซะแล้ว อิอิ.... ถึงสถานที tokyo ก็เดิน ๆๆๆ และเดิน ไปยังชานชลาด้านบน 

"ยุ่ง รีบเดินหน่อยดิ แม่กะฮีโร่ซังเดินนำหน้าไปไกลโขแล้วนะ" เราเร่ง
"โหย ก็มันเหนื่อยนี่นา" ยังไม่ถึงไหนโอ๋เริ่มเหนื่อยซะแล้ว
"เอ๋า แล้วแบบนี้จะไปเดินเที่ยวข้างบนได้มั๊ยเนี่ย" เราเริ่มแหย่
"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้" โอ๋ทำหน้ากวนบ้าง
"ดูเค้าดิ เค้าข้อเท้าไม่ดียังเดินเร็วกว่าตัวเองอีกนะ รีบเดินได้แล้วเดี๋ยวจะถูกแม่บ่นเอา" 
เดินขึ้นมาด้านบนแล้วค่ะ ยืนรอรถไฟกันหน่อย จำไม่้ได้ว่าเรานั่งสายอะไรไปที่ทาคาโอะ เพราะมัวแต่เล่นกะโอ๋อยู่ แต่ยังพอมีสติที่จะถ่ายรูปเจ้าขบวนรถไฟขบวนนี้มาให้ชมจ้า 
รถจอดเทียบชานชลา เราทั้ง 4 คนเดินเข้าไปนั่งด้านในรถไฟเพื่อรอเวลาที่รถไำฟจะออกเดินทางไปยังสถานีทาคาโอะ คนญี่ปุ่นเขาจะอ่านหนังสือ ฟังเพลง และเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาในการเดินทางค่ะ ซึ่งหากมองย้อนกลับมาที่เมืองไทยวันนี้ เวลาเราขึ้นรถไฟฟ้าไม่ค่อยอ่านหนังสือกันหรอกค่ะ จะเล่นโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่ อ้อ.. คนญี่ปุ่นไม่นิยมคุยโทรศัพท์นะคะ แต่เขานิยมส่งเมล์คุยกันแทนค่ะ ...เป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกัน ^___^
อย่างคุณลุงท่านนี้ เก้าอี้มีให้นั่งไม่ยอมนั่งนะคะ แกยืนอ่านหนังสือพิมพ์ิชิวๆอยู่ตรงประตูรถไฟ ก็เลยพาลให้นึกถึงบ้านเราซะจริง เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชลาปุ๊บคนไทยจะวิ่งกรูเข้ามาในขบวนรถพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาที่นั่ง แล้วเดินไปหาที่หมายอย่างรวดเร็ว คนที่นี่แม้ว่าที่นั่งจะ่ว่างไม่เคยเห็นคนญี่ปุ่นเดินมาแย่งที่นั่งกันเลยค่ะ เห็นแล้วก็ทำให้ย้อนมามองบ้านเรา ช่างไม่มีระเบียบเรียบร้อยเอาซะเลย... 
นั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ในที่สุดสถานีข้างหน้าก็คือสถานีทาคาโอะแล้ว คนในขบวนรถไฟเริ่มน้อยลงทุกที ซึ่งสถานีทาคาโอะไม่ใช่สถานีปลายทางของรถไฟขบวนนี้นะคะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ รถไฟขบวนนี้จะมีจอแสดงผลให้เราได้ทราบว่าตอนนี้เราอยู่ที่สถานีใดแล้ว

"ยุ่ง เดี๋ยวเตรียมตัวลงได้แล้วนะ" เราสะกิดโอ๋ให้ตื่นจากอาการหลับไหล
โอ๋ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย  "ถึงแล้วเหรอที่รัก"
"ยังไม่ถึง แต่เดี๋ยวถึงแล้ว"เราบอกให้โอ๋เตรียมตัวก่อนถึงสถานีทาคาโอะ โอ๋ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนชะเง้อออกไปมองนอกหน้าต่าง
ออกจากตัวรถไฟก็มุ่งหน้าเดินขึ้นไปด้านบนอีกชั้นหนึ่งซึ่งชานชลาของขบวนรถไฟที่จะนำพาเราทั้ง 4 คนไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในวันนี้ค่ะ วันนี้ผู้คนค่อนข้างคึกคักกันเลยทีเดียว  สงสัยว่าแม่ลูกที่อยู่ด้านหน้าของเราจะมุ่งหน้าไปทาคาโอะเช่นกัน อืม... แต่ตัวทะมัดทะแมงกันจังเลย ไม่รู้ว่าเจ้าทาคาโอะที่เราจะเดินทางไปนั้นมีอะไรให้ยลโฉมกันบ้าง ว่าแต่ตอนนี้ขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ

"จะเ้ข้าห้องน้ำกันหรือเปล่า" แม่ตะโกนถามมาแต่ไกล
"เข้าค่ะ" เราสองคนตอบพร้อมกัน
เราเดินเข้าห้องน้ำในตัวอาคารของสถานีรถไฟที่นี่ เปิดประตูเข้าไปปุ๊บ กลิ่นโชยมาเล็กน้อยค่ะ ก็พอเข้าใจค่ะว่าเป็นห้องน้ำสาธารณะอาจไม่สะอาดเหมือนห้องน้ำที่้บ้านหรือห้องน้ำในห้างซักเท่าไหร่ เปิดประตูเข้าไปด้านใน ป๊าดดดดดด......ออกอาการงงล่ะ... มันอะไรฟระเนี่ย ช่างแตกต่างกับห้องน้ำที่บ้านแม่ซะนี่กระไร ห้องน้ำที่บ้านแม่มีที่ฉีดตูดให้ด้วยแต่มาเจอที่นี่มันงงสุดๆ ไอ้ที่งงนี่ก็คือว่าไม่รู้จะนั่งหันหน้าไปทางไหนนั่นแหละค่ะ  ด้วยสภาพของตัวโถส้วมเองมันแปลกๆ มองยังไงก็ไม่เหมือนส้วมบ้านเราอะค่ะ แต่... ก็นั่งหันหน้าเหมือนส้วมที่เมืองไทยเป๊ะ อิอิ.... 

ทำธุระส่วนตัวเสร็จแ้ล้ว เรากะโอ๋ออกมาจากห้องน้ำก็ขำกันไม่หยุดเลยค่ะ ขำไอ้โถส้วมนี่แหละ

"ยุ่ง ตัวเองนั่งหันหน้าไปทางไหนอะ" เราถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"แล้วที่รักล่ะนั่งหันหน้าไปทางไหน" โอ๋ย้อนถาม
"เค้านั่งแบบมั่วไปเลยอะ นั่งหันหน้าออกไปทางประตู" เราพูดพร้อมกับหัวเราะ
"เค้าก็เหมือนกัน" โอ๋ตอบ

เสียงแม่เรียกให้เดินขึ้นไปยังชานชลาด้านบนแล้วค่ะ เดี๋ยวขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกนิดก็จะเจอชานชลากันแล้ว
ยืนรอรถไฟประมาณ 10 นาทีค่ะ ในที่สุดขบวนรถที่จะพาเราไปยังจุดหมายปลายทางก็มาถึงแล้ว เดี๋ยวเข้าไปในด้านในรถไฟกันค่ะ
เราสามคนนั่งรถไฟไปประมาณอีก 15  นาทีก็ถึงสถานทีปลายที่เราจะเดินทางท่องเที่ยวบนภูเขาแห่งนี้แล้วนะคะ ในรีวิวหน้าเราจะออกเดินทางจากทางเข้าทาคาโอะซังซึ่งก่อนออกเดินทางนั้น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราแวะกินโซบะแสนอร่อยเจ้าประจำของฮีโร่ซังค่ะ ... อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ 

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ ตามหาแบรนด์เนมมือสองที่ Shinjuku

หายหน้าหายตาจาก blog ไปเดือนกว่า ช่วงนี้งานรุมสุมชีวิตมากมายค่ะ ต้องทำงานหลักให้เสร็จสิ้นก่อนไม่อย่างงั้นมีหวังไส้แห้งแน่ๆ ^___^  รีวิวที่แล้วจำได้ว่าพาเพื่อนไปเดินหาของกินที่ shibuya กันจนอิ่มหนำสำราญ มาในช่วงบ่ายเราสองคนจะพาไปตามหาร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองค่ะ รับรองว่าราคาและสภาพสินค้านั้นโดนใจขาช้อปสุดๆทีเดียว

นั่งเจ้า yamanote จากสถานี shibuya มาสถานี shinjuku ออกจากสถานีมาก็เจอพ่อหนุ่มคนนี้ต้อนรับอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ คนอารั๊ยดูดีไปทุกรูขุมขน จำได้ว่ารู้จักพ่อหนุ่มคนนี้ก็เพราะนังอ้อ  นังอ้อกรี๊ดวง smap สุดๆ ทำเอาเราที่ไม่คุ้นเคยกับนักร้องญี่ปุ่นถึงกับต้องสนใจตามมันเลยทีเดียว 
อย่างที่ได้บอกไปค่ะ ช่วงเย็นนี้เราจะออกตามหาร้านกระเป๋าแบรนด์เนมที่อยู่ที่ย่านแห่งนี้ซึ่งข้อมูลที่ได้มานั้นก็มาจากค้นหาของโอ๋นั่นแหละค่ะ คนอารั๊ยชอบกระเป๋ามากมาย หากเอากระเป๋าที่โอ๋มีอยู่ทั้งหมดออกขาย เราคงซื้อ D700 ได้สบายไปเลยค่ะ 

"ยุ่ง ตกลงจำทางไปร้านขายกระเป๋าได้ปะ" เราถามโอ๋เพื่อย้ำความมั่นใจ
"ไม่รู้อะ เค้าบอกแค่ว่าอยู่ในซอยข้างร้าน ABC" โอ๋ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ  เอาละค่ะ งานเข้าแล้ว ไว้ใจอะไรไม่เคยได้เล๊ยคนๆนี้ เฮ้อ...
"อ่าว.. ก็ไหนบอกว่าอ่านมาอย่างดี ค้นข้อมูลมาอย่างดีแล้วไง" เราเริ่มซ้ำ
"ก็เค้าจำไม่ได้นี่นาที่รัก" โอ๋พูดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ 

เฮ่อ... กะแล้วค่ะว่าต้องเป็นแบบนี้ ช่วงเวลาที่อยู่เมืองไทย ก็เลยเปิดอ่านเว็บที่โอ๋เข้าไปดูอีกคนนึง เผื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วจะได้เป็นคนนำทางโอ๋ไปหากระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด 
เราสองคนเดินข้ามถนนมาเรื่อย ABC MART ที่ว่านี้จะอยู่ตรงข้ามกับ Big Camera ร้านกล้องชื่อดังค่ะ มาย่านนี้หาร้านนี้ง่ายๆค่ะ 
เจอร้าน Big Camera แล้วก็มองหาร้าน ABC MART ได้เลยค่ะ เมื่อเจอร้าน ABC แล้วก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปด้านในได้เลยจ้า 
เดินเข้ามาในซอยประมาณ 50 เมตร จะเจอหน้าร้านแบบนี้ค่ะ ทั้ง 3 ชั้นจะเป็นสถานที่ขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองค่ะ มีทั้งกระเป๋า นาฬิกา และอื่นๆ 
สังเกตุรูปนี้ให้ดีจะเห็นเงาตะคุ่มๆยืนรออยู่ด้านหน้าร้าน ก็โอ๋นั่นแหละค่ะ คงใจจดจ่ออยากเข้าไปดูเต็มทีเแล้ว 5555++  เดี๋ยวเข้ามาด้านในด้วยกันเลยค่ะ จะเห็นว่าเจ้ากระเป๋าแบรนด์เนมมือสองของร้านนี้มันละลานตามากขนาดไหน ^___^ 

"ยุ่ง ไมไม่เข้าไปด้านในล่ะ" เราถาม เพราะเห็นโอ๋ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าร้าน
"ที่รักเค้าไปกะเค้าหน่อยดิ เดี๋ยวคนขายเข้ามาทักแล้วเค้าไม่รู้จะพูดยังไง" นั่นไง สุดท้ายก็เพียงเพราะต้องการความช่วยเหลือจากเรานี่เอง
"อ้าว.. เค้านึกว่าที่รักคิดถึงเค้าก็เลยยืนรอหน้าร้านซะอีก วู้อะไรวะ ที่แท้ก็เอาเราไปเป็นไม้กันหมา" เราเริ่มทำเสียงเง้างอดใส่โอ๋บ้าง
"ไม่ใช่ซักหน่อย ที่รักของเค้าเก่งที่ซู๊ด"....  โอ๋เนี่ย....นอกจากจะเอาใจเก่งแล้วยังยอเก่งด้วยสิคะ ทำเอาเราปลื้ม เคลิบเคลิ้มอยู่ในวังวนไปชั่วครู่

ออกนอกเรื่องมาเยอะแล้วค่ะ เดี๋ยวเข้าไปดูด้านในกันเลยจ้า 
กระเป๋าเป้าหมายของโอ๋อยู่ชั้นสองค่ะ เราสองคนเดินสำรวจชั้นล่างเสร็จเรียบร้อยก็มุ่งหน้าขึ้นไปดูกันด้านบน ทางเดินขึ้นไปชั้นสองจะเป็นทางเดินเล็กๆนะคะ เวลาเดินขึ้นไปต้องระมัดระวังกันนิดหน่อย เราเองเพิ่งผ่าตัดเอ็นข้อเท้าหมาด การเดินเหินยังไม่ปกติดีเท่าไหร่ เวลาเดินขึ้นลงบันไดก็อาศัยจับมือโอ๋นี่แหละค่ะ ... ต้องขอบคุณโอ๋มากๆ ที่คอยดูแลไม่ห่างเลย 
 สาวกกระเป๋าแบรนด์เนมคงถูกใจร้านนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว มันเยอมากๆ ขนาดเราเองเป็นคนไม่ชอบอะไรแบบนี้ยังอดที่จะหยิบจับไม่ได้เลยจริงๆ ขอบอกว่าสภาพกับราคานั้นมันโอเคมากๆ
 และแล้วโอ๋ก็เริ่มเล็งกระเป๋าแล้ว
 เราเองก็เดินดูเรื่อยเปื่อย วันที่เราเดินทางไปญี่ปุ่นค่าเงินเยนอยู่ที่ 41 บาท ต่อ 100 เยน ลองคำนวณดูค่ะว่ากระเป๋านี้ราคาเท่าไหร่ อ้อ..ร้านนี้เป็นร้านปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ เพียงยื่นพาสปอร์ตให้ตอนจ่ายเงินเท่านั้นเองค่ะ
 โอย... บอกได้คำเดียวว่าละลานสุดๆ ใครผ่านมาย่านนี้อย่าลืมแวะ
 กระเป๋าแต่ละใบสภาพดีมากๆ ช่วงเวลาแบบนี้เราให้โอ๋ได้ใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ค่ะ เราก็แค่ยืนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง แต่ตอนจบกลับจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่...ซะงั้น...โอ๋วางกระเป๋าลงอย่างช้า หันมาพูดกับเราด้วยสีหน้าที่ราบเีรียบ
"ที่รัก เค้าไม่ซื้อแล้วล่ะ เสียดายเงิน"
"ห๊ะ อะไรนะ ....พูดอีกทีซิ" เราย้ำเพราะไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองว่าโอ๋ เ สี ย ด า ย เ งิ น
"จริงๆ เค้าไม่เอาแล้วดีกว่า ที่บ้านมีตั้งหลายใบ ใช้ยังไม่ครบเลยด้วย" โอ๋พูดพร้อมกับยิ้ม
"เอาจริงเหรอ คิดให้ดีนะ กลับเมืองไทยแล้วไม่มีโอกาสซื้อแล้วนะ" เราย้ำโอ๋อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"จริง... เค้าว่าเราเก็บตังค์ไว้ทำอย่างอื่นกันดีกว่า" โอ๋ยิ้มพร้อมกับจูงมือเราออกไปจากร้าน

แปลกใจมากค่ะที่โอ๋ไม่เสียเงินกับร้านกระเป๋าร้านนี้... แต่..พอกลับถึงเมืองไทยก็เป็นไปตามคาดค่ะ "ที่รัก รู้งี้เค้าซื้อกระเป๋ากลับมาก็ดีเนอะ" ให้มันได้อย่างนี้เซ้....
ออกจากร้านมาเราตรงดิ่งไปยังตู้โทรศัพท์รายงานตัวกับแม่ก่อน เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ตกลงเราจะนั่งเจ้า yamanote ไปลงที่ Shinagawa และต่อสาย Keihin Tohoku ไปยังสถานี Kamata เพื่อเจอแม่ก่อนหลังจากนั้นค่อยกลับบ้านพร้อมกัน
 นั่งรถไฟไม่กี่อึดใจเราสองคนก็พาร่างกายอันเหนื่อยอ่อนมาเจอแม่ที่สถานคามาตะ วันนี้แม่จะพาเรานั่งรถบัสไปซื้อของที่มินิมาร์ทใกล้บ้านค่ะ หลังจากนั้นก็จะเข้าไปกินอาหารเย็นด้วยกันที่บ้าน ก็จะเป็นการปิดการท่องเที่ยวของเราสองคนในวันนี้แล้วละค่ะ
 หมูชุปแป้งทอดที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทใกล้บ้าน เกล็ดขนมปังกรอบอร่อย หมูนุ่ม แป้งไม่เยอะนะคะ แบบว่ากำลังดีเลย ไม่เหมือนบ้านเราเน้นแป้งแต่หมูสับมีนิดเดียวเอง ที่นี่จ่ายเงินไปแล้วรับรองว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแน่นอนค่ะ หมูจานนี้ประมาณ 100 กว่าบาท 
 ผักโขมผัดน้ำมันงา 100 กว่าบาทเช่นกัน ผักโขมไม่เหม็นคลุกเคล้าน้ำมันงาและงาขาว หอมน้ำมันงาสุดๆ
 ปลาดิบแพคนี้ ให้เดาค่ะว่าเท่าไหร่ 700 800 900 ผิดคาดค่ะ ทั้งหมดนี้ราคาแค่ 300 กว่าบาทเท่านั้นเอง โอยเป็นอะไรที่ถูกใจเราสองคนสุดๆเลยค่ะ ปลาดิบสด เนื้อแน่น หวาน อร๊ายยย.... ซัดเรียบเลยล่ะ ^___^
 ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยค่ะ มื้อนี้ทานอาหารที่บ้าน แบบพร้อมหน้าพร้อมตา ...
 แม่จ้อง กะ ฮีโร่ซัง คู่รัก คู่กัด...
 อ้อ... วันก่อนตามหาโค๊กกระป๋องจิ่วไม่เจอ เจอแต่โค๊กยักษ์ วันนี้ตามหาเจอแล้วค่ะ กระป๋องน่ารักมาก ชอบสุดๆ เลยซื้อติดมือเข้าบ้านมาด้วย วันนี้เราสองคนเที่ยวในตัวเมืองโตเกียว ย่าน shibuya และ shinjuku กันจนชุ่มปอด พรุ่งนี้แม่บอกว่าฮีโร่ซังจะพาไปสูดอากาศนอกเมืองค่ะ เราจะไปเที่ยวที่ทาคาโอะซังกัน มาดูว่าวันต่อไปของเราสองคนจะสนุกและมันส์ขนาดไหน อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ วันนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ทุกคนจ้า