วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ เดินเที่ยวภายในวัด

ค่ะ... หลังจากที่เดินมากันจนเหนื่อย งานนี้ยังไม่ได้หยุดกันง่่ายๆนะคะ เราเดินกันมาเรื่อยๆจนใกล้จะถึงวัดเต็มทีแล้ว  ตั้งแต่เดินมาเราจะเห็นว่ามีป้ายแบบนี้อยู่เรียงรายเต็มไปหมด เราเลยถามทางฮีโร่ซังว่าป้ายที่เห็นคืออะไร ก็ได้ความประมาณว่า ป้ายที่เห็นนี้คือรายนามผู้บริจาคเงินให้ประมาณนี้ค่ะ 
ผู้คนที่เดินผ่านป้ายก็มักจะให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็นชาวต่างประเทศหรือชาวญี่ปุ่นเอง เอาล่ะค่ะ อีกไม่ไกลเราจะถึงวัดกันแล้ว 
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงวัดกันแล้วค่ะ โอ๋ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกนิดหน่อย หลังจากนั้นแม่กับฮีโร่ซังขอตัวไม่เข้าไปในวัด โดยจะปล่อยให้เราสองคนเดินเที่ยวกันตามใจชอบ

"เดี๋ยวแม่กับฮีโร่จะรออยู่ข้างนอกนะ" แม่บอกเราสองคนให้รู้ตัว
"อ้าว ทำไมอะคะแม่" เราถาม
"ฮีโร่เค้าไม่เข้าวัดแบบนี้" แม่ตอบ
เอ... ไม่แน่ใจว่านับถือคนละนิกายหรือป่าว ถึงได้่ไม่ยอมเข้าไปในวัด หรือยังไงกันแน่นะ
"โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวรุ่งกะโอ๋ขออนุญาตเข้าไปข้างในก่อนละกันนะคะ" เรายิ้ม
"เออ อย่าเถลไถลให้มันนานนักล่ะ" แม่เตือน
"จ้าแม่ หนูจะไม่เถลไถลไปไหนไกล" โอ๋ยียวนกวนประสาทแม่ไม่เลิก
ที่ทางเข้าของวัดจะมีศาลเจ้าตั้งอยู่ทางด้านขวามือ เราสองคนพนมมือไหว้ก่อนเดินทางเข้าไปด้านใน
ผ่านประตูวัดเข้ามาก็มาเจอที่ชำระล้างความสะอาดค่ะ ลักษณะคล้ายกับที่ชำระล้างที่วัดอาซาคุสะเป๊ะ งานนี้เราไม่พลาดดื่มน้ำลงไปอีกแล้ว 5555++  ตักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ล้างมือ แล้วเดินชมสิ่งปลูกสร้าอื่นๆภายในวัดกันต่อไป
"นี่ที่รัก อย่าลืมตัวเผลอกินน้ำเข้าไปอีกล่ะ" โอ๋พูดพร้อมกับหัวเราะร่วน
"เค้ารู้แล้ว แหมๆๆๆ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ" เรามองหน้าโอ๋ด้วยสีหน้ายียวนบ้าง
"ขอให้จริง อย่าเผลอกลืนละกัน" โอ๋ยื่นกระบวยตักน้ำมาให้

ด้านขวามือของเราตอนนี้จะมีเทพหน้านก หรืออสูรกายหน้านกก็ไม่ทราบได้ค่ะ จำขนมหน้านกที่เรากินตอนอยู่ด้านล่างกันได้มั๊ยคะ น่าจะมาจากอสูรกายหน้านกนี่แหละค่ะ
ในส่วนนี้น่าจะเป็นการผูกคำขอต่างๆของคนที่มาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ค่ะ
"ยุ่ง มาถ่ายรูปตรงนี้เร็ว แสงกำลังดีเลย" เราส่งเสียงเรียกโอ๋ให้เข้ามาถ่ายรูป โอ๋กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาโดยไม่รอรี
"มาแล้วจ้า" โอ๋ยิ้มหวานให้
"แหมๆๆ ทีเรื่องถ่ายรูปนี่ไม่มีชักช้าเลยนะยุ่งนะ" เราเริ่มกัดบ้าง
"ไม่ได้หรอก นานๆที่รักจะเรียกให้เค้าถ่ายรูป ปกติตัวเองน่ะ ชอบถ่ายรูปวิวนี่ เขอะ" แน่ะ ยังมีต่อท้ายค่ะ
"ตกลงจะถ่ายมั๊ย ถ้าไม่ถ่ายรูปจะได้ไปถ่ายอย่างอื่่น"
"ถ่ายสิ นะๆๆ ถ่ายให้เ้ค้านะ" ส่งเสียงแบบนี้อีกแล้วค่ะ ไอ้เราก็ใจอ่อนอีกตามเคย 5555+
โซนตรงกลางวันจะมีร้านขายเครื่องลาง ซึ่งเครื่องลางของญี่ปุ่นมีหลากหลายแบบเลยค่ะ ออกแบบมาได้เก๋มากๆ ราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่นะคะ แต่ก็น่ารักสมราคาทีเดียว
เราเดินอ้อมไปโซนส่วนหลังของวัด แล้วเดินมาทางด้านหน้า วันนี้ผู้คนมาสักการะกันค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ โอ๋สะกิดให้เราหยุดท่องเที่ยวภายในวัดและลงไปหาแม่ได้แล้ว แต่เรายืนยันว่ายังไม่ลง ถ้าโอ๋อยากลงก็ใ้ห้ลงไปก่อน
"ที่รัก ลงไปหาแม่กันมั๊ย เค้าว่าเราขึ้นมานานแล้วนะ" โอ๋ทำเสียงหงอยๆ
"โห ยุ่งอะ เค้ายังเดินไม่ทั่วเลยนะ" เราทำสีหน้าเง้างอดขึ้นมาบ้าง
"งั้นตัวเองถ่ายรูปไปก่อนละกัน เ้ค้าจะลงไปหาแม่แล้ว ไม่อยากให้แม่รอนานอะ" โอ๋บอกพลางเดินจากไป

นี่คือเหตุผลหนึ่งทีี่เราไปเที่ยวแล้วไม่อยากไปกะทัวร์ค่ะ เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนชอบละเลียดอยู่กับการซึมซับบรรยากาศและการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
เดินลึกเข้าไปอีกนิดค่ะ จะมีป้ายแขวนไว้แบบนี้ เดาว่าน่าจะเป็นการขอพรของคนที่นี่เช่นกันนะคะ
วันนี้อากาศไม่อ้าวมากค่ะ แต่่ฟ้าก็ไม่เปิดอย่างที่ใจต้องการ วัดที่นี่สวยมากๆค่ะ สร้างจากไม้แทบทั้งหมด รู้สึกประทับใจมากมายจริงๆค่ะ
แม่ลูกคู่นี้มาแอบทำบุญอยู่ตรงนี้ค่ะ ได้จังหวะพอดีเลย จึงถ่ายรูปเก็บไ้ว้ซะ 1 ใบ

ด้านในของวัดมีทางเดินลงมาจากด้านบนค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนที่เราอยู่ตรงนี้น่าจะเป็นบางส่วนของวัดมากกว่าเพราะมีคนเดินขึ้นบัดไดอีกทางหนึ่งและเดินลงมายังทางนี้ อยากขึ้นไปบ้างค่ะ แต่ข้อเท้าไม่เอื้ออำนวยจริงๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาไม่กี่เดือน ก็ออกมาซ่าถึงต่างประเทศแล้วเรา 5555++
เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวขึ้นไปเดินดูด้านบนกันบ้างนะคะ ขอไหว้พระกวักควันเป็นสิริมงคลแป๊บนึงค่ะ

ด้านบนของวัดมีลักษณะเป็นแบบนี้ค่ะ ประตูยังคงไว้ในลักษณะเดิมๆ ได้ความรู้สึกของความเป็นญี่ปุ่นมากๆ  ชอบคนญี่ปุ่นหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งเรื่องของความมีวินัย เรื่องของความสะอาด และที่สำคัญเขารักษาความเป็นตัวตนให้คงอยู่กับความก้าวหน้าของโลกได้อย่างแนบเนียนเลย

เดินลงมาด้านล่างของตัวอาคาร เจอแม่ ฮีโร่ซัง แล้วก็โอ๋ยืนรออยู่ด้านล่าง แปร่วววววววว รู้สึกผิดขึ้นมาทันใด

"ยุ่ง ทำไมเอาแม่ขึ้นมาตามด้วยอะ มาตามเองดีๆก็ได้" เราบ่นอุบ
"ก็แม่เค้าบอกว่าจะขึ้นมาเองอะ"
"โหย ทำแบบนี้รู้สึกผิดนะเนี่ย สงสัยแม่จะรอนานจนรอไม่ไหวเลยขึ้นมาตามซะ" สีหน้าของเราเริ่มซีดเผือก
"ก็ที่รักมัวแต่ถ่ายรูปอะ ไม่สนใจเค้าด้วย"
"เอ้า... ก็เราคุยกันแล้วนี่นา ตัวเองก็อนุญาตให้เค้าถ่ายรูปแล้วด้วย แล้วมาพูดแบบนี้ได้ยังไงอะ" เราเริ่มงง
"ก็ไม่รู้ล่ะ เอาเป็นว่าที่รักนั่นแหละที่ผิด" โอ๋ทำหน้าบึ้ง
เอ๋า... กลายเป็นว่างานนี้เราผิดซะแล้วสิคะ
บันไดที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้คือบันไดที่ขึ้นไปยังตัววัดด้านบนค่ะ เสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปด้วยสองสาเหตุคือ 1. มาจากข้อเท้าของตัวเองที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ และ 2. เกรงใจแม่กะฮีโร่ซังค่ะ เพราะเดี๋ยวเราจะไปนั่งเรือชมวิวกันต่อค่ะ

"เอ้า กลับได้แล้วเรา" แม่ส่งเสียงเืตือนสติ "เดี๋ยวเจ้าฮีโร่เค้าจะพาไปนั่งเรือต่อ"
"จริงเหรอคะแม่ แล้วไปนั่งที่ไหนอะคะ" เราถามด้วยอาการลิงโลด
"นั่งเรือชมวิวแล้วไปขึ้นที่ท่าอาซาคุสะนู่นเลย" แม่ตอบคำถาม
เราหันหน้ามามองโอ๋แล้วยิ้มพร้อมกัน
"งั้นโอเคเลยแม่ เดี๋ยวเราไปนั่งเืรือกันต่อได้เลย" โอ๋ตอบ
ออกจากตัววัดมาได้ไม่ไกล ดูลูกสาวแม่จ้องเองละกันค่ะ ว่าทะเล้นขนาดไหน  สาเหตุที่ทำหน้าแบบนี้ก็เพราะถูกแม่บ่นนั่นแหละค่ะ  5555++

ในรีวิวหน้าเราจะไปพบกันที่่ท่่าเรือนะคะ ได้เวลานั่งชมวิวของเมืองโตเกียวกันแล้วจ้า 

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

++ Japan Trip ++ นั่งรถไฟขึ้นยอดเขา ฮึ๊บ ฮึ๊บ

สวัสดีค่ะ ... ทิ้งช่วงในการเขียน blog ไปนานมาก ก็เรื่องเดิมค่ะ "งานเยอะ" แต่เงินไม่ยักกะเยอะตามแฮะ 5555++   ในครั้งที่แล้วเรากินโซบะเพิ่มพลังก่อนออกเดินทางไปยังด้านบนของภูเขา มาในรีวิวนี้เราจะนั่งรถไฟขึ้นไปด้านบนแล้วค่ะ จริงๆ ทริปนี้ตั้งใจจะมาดูใบไม้เปลี่ยนสีที่โตเกียว แต่โชคไม่เ้ข้าข้างค่ะเราไม่เจอใบไม้เปลี่ยนสีเลย มีแต่ใบไม้ที่กำลังจะเตรียมตัวเปลี่ยนเท่านั้น เฮ้อ.... ไว้โอกาสหน้าจะต้องมาแก้มือซะแล้ว

หลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนรถไฟแล้ว รถไฟวิ่งมาได้ซักระยะ เราก็สวนทางกับรถไฟอีกคันหนึ่งที่นำผู้โดยสารกลับจากด้านบน เราไม่วายต้องเก็บรูปซัก 1 แชะ 

"เดี๋ยวขากลับเราไม่ต้องนั่งรถไฟกลับนะ นั่งกระเช้ากลับกันจะได้ดูวิวสวยๆ" แม่หันหน้ามาบอกหลังจากจากอ่านคำถามในแววตาเราโดยที่ยังไม่ได้พูด
"วิวสวยมั๊ยคะแม่" เราถามต่อ
"สวยสิ ไม่สวยได้ไง เดี๋ยวต้องไปดูเอง แล้วตอนนั่งกระเช้านะ ตอนใกล้จะถึงจะมีคนคอยถ่ายรูปให้เราด้วย ถ่ายให้ทุกคน ถ่ายแล้วเอาไม่เอาเป็นอีกเรื่อง" แม่บอก
"โหย... สุโค่ย" อิอิ
นั่งรถไฟประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้ค่ะ รถไฟจะพานักท่องเที่ยวทั้งหมดมาจอดอยู่ตรงตีนเขา ซึ่งเราต้องเดินขึ้นไปด้านบนอีกประมาณ 150 เมตรนะคะ จะเจอจุดชมวิวสวยๆแบบนี้  มองเห็นด้านล่างเลยค่ะ ถ้าสังเกตุในรูปก็จะเห็นว่าใบไม้เตรียมตัวจะเปลี่ยนสีแล้วค่ะ  ตรงจุดชมวิวมีกล้องส่องทางไกลให้เราได้สัมผัสวิวทิวทัศน์อย่างใกล้ชิด เช่นเคยค่ะ ต้องเข้าไปเล่นบ้างอะไรบ้าง กล้องส่องทางไกลพาถนนและอุโมงค์ที่อยู่ด้านหน้ามาอยู่ที่ลูกกะตาอย่างเด่นชัด

"ป๊าดดดดดดด... ยุ่งมาดูเร็ว มันแบบว่าสุดยอดมากอะ ซูมได้ไกลสุดๆ" เราเรียกโอ๋มาดูด้วยกัน
"ไม่เอาอะที่รัก" โอ๋ปฎิเสธ
"อ่าว ... อะไรวะ ไม่มาเปิดหูเปิดตามั่งเลยรึไง" เราเริ่มงอน  แต่... ไม่ได้ผลค่ะ โอ๋ก็ยังคงไม่ยอมมาส่งกล้องตามที่ร้องขอ 5555
"นี่ถ้ามีเลนส์ซูมได้ขนาดนี้ก็คงดีเนอะ จะเอาไ้ว้ส่อง คริ คริ" เราพูดพร้อมกับหัวเราะ
"มึงลองดูดิอีอ้วน" โอ๋พูดด้วยสีหน้าขึงขังพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มที่หน้าผาก จิ้ม จิ้ม ิจิ้ม T_T
เราทั้ง 4 คนนั่งตรงจุดนี้กินลมชมวิวไปเรื่อยค่ะ และแล้วสิ่งที่ทำให้โอ๋เริ่มมีปฏิำกิริยาที่ตื่นเต้นคือ ขนมหน้านกอันนี้ค่ะ ... เป็นขนมขึ้นชื่อของที่นี่ มาแล้วไม่ลองชิมเหมือนไม่ได้มาทาคาโอะนะคะ

"ที่รัก เค้าอยากกินขนมหน้านกอะ ที่เมื่อคืนที่รักเปิดดูเน็ตแล้วเค้าบอกว่าขนมหน้านกอร่อย มีขายที่นี่ด้วย" โอ๋ทำเสียงเง้างอด
"ตัวเองก็เดินไปซื้อเองดิ" เราพูดพร้อมกับมองด้วยหางตาง "เดินไปเลย เค้าเชื่อว่าที่รักทำได้" เราเริ่มปลอบใจโอ๋
"พูดเหมือนเดิมใช่มั๊ย อิจิ" โอ๋ย้ำเพื่อความแน่ใจ
"อืม... ช่ายพูดคำว่า อิจิ เค้าก็จะเข้าใจเองแหละ ว่าเราขอ 1 อัน" เรายิ้มตอบ

ในที่สุดโอ๋ก็ได้ขนมหน้านกมาอยู่ในมือแล้วค่ะ ใบหน้าอิ่มเอมไปด้วยความสุขที่สามารถซื้อของได้เองอีกครั้งหนึ่ง ^__^
เรารอให้โอ๋กินขนมให้เสร็จหลังจากนั้นเดินไปหยอดเหรียญที่ตู้ซื้อน้ำเปล่ามากินแล้วออกเดินทางขึ้นเขากันต่อ ... เดินขึ้นบันไดมาเกือบ 100 ขั้นหรืออาจจะกว่านั้นนะคะ ก็จะมาถึงลานที่เป็นของฝาก แม่ ฮีโร่ซังและโอ๋ เดินไปดูของฝากเล็กน้อย ส่วนเราเดินมาถ่ายพระพุทธรูปหินองค์นี้ค่ะ องค์เล็กดีค่ะ มีเสื้อผ้าไหมพรมสีแดงห่มกายของพระพุทธรูปอยู่ น่าจะมีความหมายค่ะ ถ้าไม่ลืมจะถามฮีโร่ซังอีกที ^^
แวะดูของฝากกันเล็กน้อย มีมากมายละลานตาสุดๆ ของฝากก็จะเป็นเห็ด ผักกาดดอง กิมจิ อะไรประมาณนี้ แบบขนมก็มีนะคะ เยอะมากค่ะ

จากจุดชมวิวด้านล่าง เส้นทางที่เรากำลังเดินทางไปนั้นเป็นทางลาดชันค่ะ โอ๋ถึงกับออกอาการเหนื่อยให้เห็น

"ยิ้มหน่อยยุ่ง" เราเรียกให้โอ๋หันมายิ้ม หลังจากเดินขึ้นมาประมาณ 200 เมตร หมดสภาพเลยค่ะ
"ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยไอ้โอ๋เหนื่อยแหล้วเหรอ" แม่หันมาถามลูกสาวสุดที่รัก
"โห แม่อะ หนูไม่ค่อยได้ขึ้นเขาแบบนี้หรอก แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้วอะ" โอ๋เริ่มบ่น
"เจ้ารุ่งยังไ่ม่บ่นซักคำเลย" แม่เอาเราไปเปรียบกับโอ๋
"โอ๋เค้าอ่อนแอค่ะแม่ ทำอะไรนิดหน่อยก็ออกอาการเหนื่อยให้เห็น" เราสำทับแม่ลงไปที่โอ๋อีกแรง
"ที่รักก็อีกคน มีแต่คนบ่นว่ะ"
"ไม่อยากให้บ่นก็นั่งรออยู่ข้างล่างเดะ เดี๋ยวเค้าขึ้นไปกัน 3 คนก็ได้" เราตอบพลางหัวเราะ
ระหว่างทางเจอเจ้านี่ด้วยค่ะ เป็นปลาหมึกที่ทำจากหินอ่อนสีน้ำตาล มีแต่คนเข้าไปลูบหัวมัน เราสองคนเลยทำบ้างทำด้วยความไม่รู้นี่แหละค่ะ อิอิ... พอสถามจากฮีโร่ซังก็ได้ความประมาณว่า ลูบหัวขอพรขอให้เดินทางปลอดภัย... (ทำนองนี้)  

มาค่ะ เดินยังไม่ได้ครึ่งทางเลย เดี๋ยวจะไม่ถึงวัดด้านบนกันซะเปล่าๆ

"นี่หนูๆ อย่ามัวแต่เล่นกันนะจ๊ะ ต้องเดินอีกยาวเลย เดี๋ยวไม่ถึงวัดนะ" แม่่ส่งเสียงบอกมาเป็นระยะ
"ค่ะแม่ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้วจ้า" 
เดินผ่านหนุ่มน้อยชาวญี่ปุ่น เก็บภาพแทบไม่ทัน ... ^_^ น่ารักมากๆ มาเดินกันเป็นแกงค์หนุ่มน้อย 3 คนเลยค่ะ ท่าทางจะมาเดินป่ากับทาง รร. แต่เอ๊ะ ไหนแกงค์เด็กเหล่านี้กันนะ

"ยุ่งๆๆ ดูเด็กๆดิ น่ารักว่ะ" เราสะกิดโอ๋ให้ดูหนุ่มๆทั้งสามคนที่กำลังตรงมา
"ที่รักถ่ายรูปเก็บไว้ดิ น่ารักอะ" โอ๋ยิ้ม

เรายกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาระดับเอวเพื่อไม่ให้เด็กๆเห็นว่าเรากำลังถ่ายพวกเค้า แช๊ะ

คนที่นี่น่ารักมากๆเลยนะคะ มีหลายแกงค์หลายรุ่นทีเดียวที่มาเดินเขาที่นี่ ตั้งแต่เราเดินขึ้นมาจนถึงตรงนี้แบ่งเป็นมากันแบบครอบครัว เพื่อนฝูง ซึ่งไอ้เพื่อนฝูงนี่แหละค่ะ มีตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคน จนถึง.... คุณปู่คุณย่าก็นัดกันมาเดินป่าที่นี่ค่ะ ^_^
เที่ยวทาคาโอะวันนี้มีแต่เดิน เดิน เดิน และ เดิน ใครที่อยากทดลองเดินป่าลองมาเดินที่นี่ได้ค่ะ จะรู้ทันทีว่าตัวเองเหมาะกับการเดินป่าหรือป่าว ส่วนตัวเราแล้วชอบนะคะ ได้เหงื่อดี ส่วนโอ๋... คงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะบ่นมาตลอดทางเลย

ป้ายด้านหน้าน่าจะเป็นเขตวัดแล้วค่ะ
เดินหลุดมาจากป้ายเราต้องเดินขึ้นบันไดอีกค่ะ โอยยยยยย คราวนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ขั้นจ้า... สำหรับเราแล้วเป็นการทดสอบข้อเท้าไปพลางค่ะ บางทีก็มีเจ็บๆบ้างแต่ก็ยังทนได้อยู่

"อ้าว สองคนนั่นน่ะ รีบเดินกันหน่อยเร็ว" แม่ตะโกนเรียก ซึ่งตอนนี้แม่กับฮีโร่ซังเดินนำหน้าไปหลายขุม
"ยุ่งไหวป่าวเนี่ย" เราหันหน้าไปถามโอ๋ ด้วยเหตุที่ว่าตอนนี้หน้าโอ๋เริ่มซีด 5555
"เหนื่อยจังที่รัก" โอ๋ตอบพร้อมกับหันหน้ามามองด้วยสายตาเว้าวอน
"เฮ๊ย เหนื่อยก็ต้องเดินนะ เค้าแบกไม่ไหวหรอก ลำพังตัวเองตอนนี้ก็จะแย่ละ"
เดินหลุดมาจากขั้นบันไดแสนโหด แม่กะฮีโร่นั่งรออยู่พร้อมกับเสียงหัวเราะร่วนของแม่

"เป็นไงบ้างคุณโอ๋ ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า" สิ้นคำพูดแม่ก็หัวเราะกะสีหน้าที่ซีดเผือกของลูกสาวตัวดี
"เหนื่อยมากเลยแม่  ทำไมไม่บอกหนู่ว่ามันจะไกลขนาดนี้" โอ๋ยืนหายใจหอบ
"นี่ยังไม่ได้ครึ่งทางเลยนะจ๊ะ" แม่อมยิ้ม
"หา....." เราสองคนอุทานพร้อมกัน
"แสดงว่าไปอีกไกลเลยสิคะเนี่ย" เราเริ่มถามบ้าง

งานนี้ฮีโร่ซังเริ่มหัวเราะบ้างแล้วค่ะ -"-
คงมาได้แค่ครึ่งทางอย่างที่แม่บอกไว้จริงๆค่ะ เพราะเบื้องหน้าของเราจะเป็นร้านขายของอีกครั้ง และมีจุดให้นั่งพักเหนื่อยเยอะเลยทีเดียว ที่เห็นอยู่ด้านหน้าไม่ใช่ลูกชิ้นย่างนะคะ เราวิ่งเข้าใส่มาเรียบร้อยแ้ล้ว เจ้าขนมดังโหงะนี้ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ซึ่งจะปั้นเป็นลูกกลมๆผสมงาดำและนำไปจิ้มซอสแล้วย่างค่ะ รสชาดออกเค็มๆเหนียวหนึบ ส่วนด้านข้างๆก็มีไอศรีมขายค่ะ งานนี้เราขอบาย ขอกินแค่น้ำเปล่าละกัน เอิ๊กกกกกกก....
ส่วนโอ๋ จัดเต็มค่ะขอประเดิมทั้งดังโหงะและไอศรีม

"ที่รักเค้าอยากกินไอติมอะ"
"ไปซื้อดิ แล้วก็กดตู้น้ำมาให้เค้าด้วย" เราบอก

ดังโหงะกับไอศรีมต้องใช้เงินสดซื้อค่ะ ส่วนน้ำที่กดออกมาจากตู้ก็ใช้บัตร passmo เหมือนเดิม อิอิ ... โอ๋ได้สิ่งต้องการอยู่ในมือทั้งสองข้าง ยิ้มร่าเดินเข้ามาหาเราทันที ... ก็นี่ล่ะค่ะ ใครจะโกรธคุณเธอลงกัน -"-

เราทั้งสี่คนนั่งพักเหนื่อยพร้อมกับกินขนมกันไปพลาง... หลังจากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อแล้วค่ะ รูปนี้ฮีโร่ซังเรียกให้ถ่ายรูปให้หน่่อย... ดูแกดิคะ กินแบบเอร็ดอร่อยเชียว 5555++
พบกันอีกครั้งในรีวิวหน้านะคะ จะรีบปั่นรีวิวให้จบ จะได้ไปเที่ยวในประเทศกันบ้างจ้า